
ดิงดอง~ คุณได้ลงเวลาสำเร็จแล้ว! เสียงแจ้งเตือนคุ้นหูนี้ ทำให้คุณสะดุ้งตื่นจากภวังค์ใช่ไหม? ไม่ต้องตกใจ ไม่ใช่เสียงนาฬิกาปลุก แต่เป็นการทักทายจากแอปพลิเคชัน “ดิ่งติง” นั่นเอง การลงเวลาผ่านดิ่งติง ไม่ใช่แค่กดปุ่มเบาๆ เพียงเท่านั้น แต่มันคือ “พิธีกรรมการเช็คอินแบบดิจิทัล” ของมนุษย์เงินเดือนในยุคใหม่ เปรียบเสมือนการเข้าชื่อตอนเช้าในสำนักงานสมัยโบราณ ต่างกันตรงที่เราไม่ต้องใส่เครื่องแบบราชการ แค่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา จับตำแหน่ง แล้วกดหนึ่งครั้ง ก็เรียบร้อยทันที
เมื่อเปิดแอปพลิเคชันดิ่งติง ปุ่ม “ลงเวลา” ขนาดใหญ่บนหน้าแรกจะเหมือนกำลังกระพริบตาทักทายคุณอยู่ว่า “เฮ้ย วันนี้มาแล้วหรือยัง?” เมื่อกดเข้าไป ระบบจะตรวจจับตำแหน่งและข้อมูลไวไฟโดยอัตโนมัติ ขอแค่อยู่ภายในรั้วอิเล็กทรอนิกส์ (Geofence) ที่บริษัทกำหนดไว้ กดลงเวลาเพียงครั้งเดียว ก็ถือว่าเสร็จสิ้นทันที ที่เจ๋งกว่านั้นคือ ระบบสามารถแยกแยะได้ว่าเป็นการลงเวลาก่อนเข้างาน หลังเลิกงาน งานนอกสถานที่ หรือการเติมเวลาที่ขาดหายไป ราวกับมีผู้ช่วยฝ่ายบุคคลที่ไม่เคยงีบหลับคอยช่วยคุณอยู่ อยากแกล้งขี้เกียจเหรอ? ขอโทษด้วย GPS ไม่เล่นละครกับคุณหรอก
นอกจากการลงเวลาแบบเรียลไทม์แล้ว คุณยังสามารถตรวจสอบประวัติการลงเวลาได้ตลอดเวลา ว่าสายกี่นาที ลืมลงเวลากี่ครั้ง มองเห็นได้ชัดเจนแจ่มแจ้ง มากกว่าเจ้านายเปิดสมุดรายชื่อดูอีก แถมยังมีฟังก์ชันเตือนความจำ เมื่อใกล้ถึงเวลาที่จะสาย ระบบจะส่งการแจ้งเตือนขึ้นมา ราวกับเพื่อนร่วมงานที่ทั้งใส่ใจและพูดมาก กระซิบข้างหูว่า “รีบวิ่งเลยนะ ไม่งั้นจะทัน!”
ในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า เราจะเปิดเผยความลับของการตั้งค่าฟังก์ชันเทพเหล่านี้—คุณพร้อมจะแปลงร่างเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารเวลาทำงานหรือยัง?
วิธีตั้งค่าการลงเวลาผ่านดิ่งติง
ดิงดอง! คุณคิดว่าการลงเวลาคือแค่ “กดปุ่มเดียว” เท่านั้นเหรอ? คุณคิดผิดแล้ว! นี่คือ “ศิลปะแห่งการบริหารเวลาทำงาน” ในโลกของดิ่งติง หากคุณไม่อยากให้ทีมงานประสบกับโศกนาฏกรรมประเภท “ฉันมาถึงออฟฟิศแล้ว ทำไมถึงแสดงว่าสายล่ะ?” รีบมาเรียนรู้วิธีตั้งค่าการลงเวลาผ่านดิ่งติงให้ถูกต้องกันเถอะ!
เริ่มต้นด้วยการเปิดแผงควบคุมผู้ดูแลระบบ จากนั้นไปที่ “หน้าหลักการทำงาน” → “การลงเวลา” → “ตั้งค่ากฎ” พื้นที่นี้ก็เหมือน “ห้องควบคุมการเข้าออก” ของคุณ คุณสามารถสร้างกฎการลงเวลาที่แตกต่างกัน เช่น เข้างาน 09.00 น. เลิกงาน 18.00 น. ระบบกะเวร หรือแม้แต่ช่วงเวลาแบบยืดหยุ่นใน “วันทำงานจากที่บ้าน” อย่าลืมติ๊กช่อง “อนุญาตให้ลงเวลาขณะอยู่นอกสถานที่” ด้วย มิฉะนั้น พนักงานขายที่ออกไปพบลูกค้า จะต้องยืนห่างไกลจากอาคารแล้วพยายามลงเวลา จนแทบร้องไห้
ต่อมาคือขั้นตอน “ลากวงกลมกำหนดพื้นที่” — การตั้งค่าระยะทางในการลงเวลา! ใช้นิ้วลากวงกลมบนแผนที่ได้ โดยรัศมีสามารถปรับได้ตั้งแต่ 50 ถึง 3,000 เมตร แนะนำว่าอย่าตั้งรัศมีเล็กเกินไป (ไม่งั้นพนักงานต้องยืนชิดผนังออฟฟิศเพื่อลงเวลา) แต่ก็อย่าใหญ่เกินไป (ไม่งั้นบางคนอยู่บ้านก็ลงเวลาได้ คุณก็ยังรับได้) นอกจากนี้ยังสามารถผูกกับสัญญาณไวไฟได้ เพื่อให้กลายเป็นการยืนยันตัวตนซ้ำสอง ความแม่นยำจึงพุ่งสูงสุด
สุดท้าย การเพิ่มพนักงานทำได้ง่ายมาก: เพียงคลิกเดียวเพื่อซิงค์โครงสร้างองค์กร หรือเพิ่มสมาชิกทีละคนแล้วจัดสรรกฎให้เหมาะสม ใครควรลงเวลากี่โมง ที่ไหน และสามารถเติมเวลาได้หรือไม่ ทุกอย่างอยู่ในกำมือคุณ ผู้ดูแลระบบจึงไม่จำเป็นต้องกลายเป็น “นาฬิกาชีวิต” อีกต่อไป นั่งจิบกาแฟอย่างสบายใจได้เลย!
ฟังก์ชันขั้นสูงของดิ่งติงในการลงเวลา
อย่าคิดว่าการลงเวลาผ่านดิ่งติงจบแค่เสียง “ดิง” เท่านั้น! เมื่อคุณเชี่ยวชาญการตั้งค่ากฎการลงเวลา และวาดเส้นเขตอิเล็กทรอนิกส์รอบสำนักงานได้อย่างชำนาญแล้ว ถึงเวลาเปิดโปง “เทคโนโลยีลับ” ที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังได้แล้ว ฟีเจอร์ “ลงเวลาแบบยืดหยุ่น” นี้เรียกได้ว่าเป็นพระเอกของมนุษย์เงินเดือน—อนุญาตให้พนักงานเลือกเวลาเข้า-ออกงานได้ตามใจในช่วงเวลาที่กำหนด ทั้งสนับสนุนคนตื่นเช้าและคนทำงานดึก หมดยุคของการวิ่งสปรินท์ 100 เมตรเพื่อให้ทันลงเวลา
รายงานการเข้าทำงานอัตโนมัติ เป็นอีกฟีเจอร์ที่ทำให้คุณยิ้มไม่หุบ ระบบจะสร้างรายงานการเข้าทำงานรายวัน สัปดาห์ หรือรายเดือนโดยอัตโนมัติตามข้อมูลการลงเวลา ไม่ว่าจะสาย ลาออกก่อน หรือลืมลงเวลา ทุกอย่างชัดเจน ฝ่ายบุคคลไม่ต้อง熬夜 นั่งคำนวณด้วยตนเองอีกต่อไป เจ้านายก็สามารถติดตามสถานการณ์ของทีมงานได้แบบเรียลไทม์ ที่เจ๋งกว่านั้นคือ ข้อมูลเหล่านี้สามารถเชื่อมต่อกับโมดูล การอนุมัติ และ การจัดการวันลา ของดิ่งติงได้อย่างไร้รอยต่อ—จำนวนวันลาจะถูกหักโดยอัตโนมัติ ชั่วโมงทำงานล่วงเวลาจะเชื่อมโยงกับการคำนวณเงินเดือนทันที เหมือนกับว่าคุณยัดนักบัญชีและผู้จัดการฝ่ายบุคคลไว้ในแอปพลิเคชันเดียว
ยิ่งไปกว่านั้น ผ่าน แพลตฟอร์มเปิดของดิ่งติง องค์กรยังสามารถนำข้อมูลการลงเวลาไปเชื่อมต่อกับระบบ ERP หรือ HR ได้ ทำให้เกิดการบริหารจัดการอย่างชาญฉลาดอย่างแท้จริง ใครบอกว่าการลงเวลาต้องเย็นชาและเครื่องจักร? ในโลกของดิ่งติง มันได้กลายร่างเป็นเพื่อนร่วมงานที่ฉลาดและเอาใจใส่ไปแล้ว
ข้อดีและข้อเสียของการลงเวลาผ่านดิ่งติง
การลงเวลาผ่านดิ่งติง เหมือน “เทพเฝ้าประตูอิเล็กทรอนิกส์” ในสำนักงาน ที่ยืนเฝ้าหน้าจอทุกวันเพื่อดูว่าคุณมาเช็คอินหรือยัง ข้อดีของมันไม่ได้มีแค่ทำให้เจ้านายสบายใจเท่านั้น—มันช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดข้อผิดพลาดจากการเช็คชื่อด้วยมนุษย์ และเปลี่ยนข้อมูลการลงเวลาให้กลายเป็นรายงานโดยอัตโนมัติ ช่วยประหยัดเวลาให้ฝ่ายบุคคลที่ไม่ต้องนั่งเปิดสมุด ตรวจสอบเวลาจนดึกดื่นอีกต่อไป นอกจากนี้ ความโปร่งใสในการบริหารจัดการยังเพิ่มขึ้นอีกด้วย ใครสาย ใครออกก่อน ระบบแสดงผลชัดเจน ไม่ต้องเดาหรือพูดกันปากต่อปากเพื่อประเมินความขยันของเพื่อนร่วมงานอีกต่อไป
แต่เทพเฝ้าประตูคนนี้บางครั้งก็จริงจังเกินไป จนทำให้คนรู้สึกอึดอัด เช่น ประเด็นเรื่อง ความเป็นส่วนตัว ที่มักถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงบ่อยๆ—การระบุตำแหน่งเพื่อลงเวลา ถือเป็นการละเมิดพื้นที่ส่วนตัวหรือไม่? บางครั้งเมื่อทำงานจากที่บ้าน ต้อง “เติมเวลา” ทันที รู้สึกเหมือนถูกจับตามอง อีกทั้งยังมีปัญหาด้านเทคนิค เช่น เครือข่ายไม่เสถียรทำให้ลงเวลาไม่สำเร็จ หรือ GPS ของโทรศัพท์ผิดพลาด ทำให้คุณยืนอยู่หน้าบริษัทแต่กลับถูกบันทึกว่าสาย สถานการณ์เหล่านี้ช่างน่าอึดอัดราวกับคำพูดที่ว่า “นั่งอยู่ดีๆ ปัญหาก็ลอยมาหา”
ยังไม่รวมถึงบางบริษัทที่ตั้งกฎตายตัวเกินไป ความยืดหยุ่นหายไป สุดท้ายพนักงานลงเวลาเพราะต้องทำ ไม่ใช่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพตามจุดประสงค์เดิม ดังนั้น การลงเวลาผ่านดิ่งติงไม่ใช่ยาวิเศษ ใช้ดีก็กลายเป็นเครื่องมือเทพ แต่ถ้าใช้แบบแข็งทื่อ ก็อาจกลายเป็น “พันธนาการดิจิทัล” ได้ หัวใจสำคัญไม่ได้อยู่ที่เครื่องมือ แต่อยู่ที่การหาจุดสมดุลระหว่างความเป็นมนุษย์และความเป็นระบบ
กรณีศึกษาจริง
กรณีศึกษาจริง มาดู “บทละคร” ที่เกิดขึ้นจริงกันบ้าง! บริษัทออกแบบแห่งหนึ่งในหางโจว ก่อนหน้านี้การมาสายและออกก่อนเวลาเหมือนการเปิดกล่องลุ้นโชค เจ้านายต้องจ้องดูรายงานการลงเวลาทุกเช้าด้วยสีหน้าขมวดคิ้ว ตั้งแต่เริ่มใช้ดิ่งติงในการลงเวลา พวกเขาไม่ได้ตั้งแค่ระบบเช็คชื่อแบบอัจฉริยะเท่านั้น แต่ยังเพิ่มเกม “ท้าทายการมาตรงเวลา” — พนักงานที่เข้า-ออกงานตรงเวลาทุกวันตลอดเดือน จะได้ลุ้นรางวัลแลกคูปองกาแฟหรือเบาะนอนพักกลางวัน ผลลัพธ์คือ อัตราการมาสายลดลงเป็นศูนย์ทันที บางรายถึงกับมาถึงก่อนครึ่งชั่วโมง เพื่อแย่งเป็นคนแรกที่ “ลงเวลา” ทุกเช้า
อีกหนึ่งบริษัทอีคอมเมิร์ซขนาดกลาง ฉลาดกว่านั้นอีก พวกเขาผสานการลงเวลาผ่านดิ่งติงเข้ากับ ระบบชั่วโมงทำงานยืดหยุ่น: ขอแค่ทำภารกิจประจำวันเสร็จ ช่วงเวลาเข้า-ออกงานสามารถจัดการเองได้ แต่ต้องลงเวลาเพื่อ “เริ่ม” และ “สิ้นสุด” สถานะการทำงาน เมื่อใช้กลยุทธ์นี้ พนักงานก็ไม่บ่นอีกต่อไปที่ต้องถูกจำกัดเวลา กลับรู้สึกมีอิสระมากขึ้น สมาธิในการทำงานพุ่งสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด วิศวกรคนหนึ่งพูดอย่างขำๆ ว่า “ตอนนี้การลงเวลาไม่ใช่การถูกจับตามอง แต่เป็นการแบ่งขอบเขตระหว่างงานกับชีวิตส่วนตัวของผม”
แน่นอน ความสำเร็จไม่ได้อยู่ที่เครื่องมือ แต่อยู่ที่ “การออกแบบที่เน้นความเป็นมนุษย์” จึงขอแนะนำให้บริษัทอย่าใช้ดิ่งติงแค่เป็นเครื่องมือสอดส่อง ลองเพิ่มองค์ประกอบที่สนุกสนาน เช่น การลงเวลาแล้วได้รับข้อความอวยพรแบบสุ่ม การได้รับเสียงปรบมือเสมือนจริงเมื่อลงเวลาวันศุกร์ หรือจัดการแข่งขันระหว่างแผนกเพื่อดูว่าใครมีอัตราการมาตรงเวลามากที่สุด จำไว้ว่า เทคโนโลยีอาจเย็นชา แต่หัวใจของคนอบอุ่น—ใช้เครื่องมือให้ถูกวิธี การลงเวลา ก็สามารถกลายเป็น “การบริหารที่เห็นผล” แบบที่คนไต้หวันชื่นชอบได้เช่นกัน!
Using DingTalk: Before & After
Before
- × Team Chaos: Team members are all busy with their own tasks, standards are inconsistent, and the more communication there is, the more chaotic things become, leading to decreased motivation.
- × Info Silos: Important information is scattered across WhatsApp/group chats, emails, Excel spreadsheets, and numerous apps, often resulting in lost, missed, or misdirected messages.
- × Manual Workflow: Tasks are still handled manually: approvals, scheduling, repair requests, store visits, and reports are all slow, hindering frontline responsiveness.
- × Admin Burden: Clocking in, leave requests, overtime, and payroll are handled in different systems or calculated using spreadsheets, leading to time-consuming statistics and errors.
After
- ✓ Unified Platform: By using a unified platform to bring people and tasks together, communication flows smoothly, collaboration improves, and turnover rates are more easily reduced.
- ✓ Official Channel: Information has an "official channel": whoever is entitled to see it can see it, it can be tracked and reviewed, and there's no fear of messages being skipped.
- ✓ Digital Agility: Processes run online: approvals are faster, tasks are clearer, and store/on-site feedback is more timely, directly improving overall efficiency.
- ✓ Automated HR: Clocking in, leave requests, and overtime are automatically summarized, and attendance reports can be exported with one click for easy payroll calculation.
Operate smarter, spend less
Streamline ops, reduce costs, and keep HQ and frontline in sync—all in one platform.
9.5x
Operational efficiency
72%
Cost savings
35%
Faster team syncs
Want to a Free Trial? Please book our Demo meeting with our AI specilist as below link:
https://www.dingtalk-global.com/contact

ภาษาไทย
English
اللغة العربية
Bahasa Indonesia
Bahasa Melayu
Tiếng Việt 