ดิ่งติง ออฟฟิศออโตเมชั่นคืออะไร

ดิ่งติง ออฟฟิศออโตเมชั่นคืออะไร? พูดง่ายๆ ก็คือ ให้ดิ่งติงกลายเป็น “เลขานุการดิจิทัล” ของคุณ เอาไว้ช่วยจัดการงานซ้ำๆ ที่ทำทุกวันจนเบื่อจะแย่อยู่แล้ว ให้เสร็จสิ้นโดยอัตโนมัติ ยังคงกรอกใบขอเบิกเงินเองอยู่ไหม? ยังต้องวิ่งตามหัวหน้าให้เซ็นอนุมัติอยู่ไหม? ยังพิมพ์แจ้งเตือนประชุมในกลุ่มทีละคนอยู่หรือเปล่า? ได้เวลาตื่นแล้ว! ยุคนี้แม้แต่เครื่องชงกาแฟก็เชื่อมเน็ตได้แล้ว ทำไมกระบวนการทำงานของคุณยังติดอยู่ในยุคหิน?

หลักการสำคัญของดิ่งติง ออฟฟิศออโตเมชั่น ก็เหมือนกับการออกแบบ "สายการผลิตอัจฉริยะ" — คุณตั้งกฎเอาไว้ ระบบก็จะทำงานแทนโดยอัตโนมัติ เช่น เมื่อพนักงานส่งคำขอลาออก ระบบจะแจ้งผู้จัดการทันที อัปเดตข้อมูลลงในตารางบันทึกการมาทำงาน และอาจปรับตารางกะการทำงานได้อัตโนมัติ ทั้งกระบวนการไม่จำเป็นต้องมีคนคอยควบคุม ราวกับเครื่องดูดฝุ่นในบ้าน ทำงานไปเรื่อยๆ โดยไม่ส่งเสียง ไม่รบกวน และยังเชื่อถือได้สุดๆ

เป้าหมายของมันชัดเจนมาก นั่นคือ การปลดปล่อยมนุษย์จากงานที่ต้องทำซ้ำๆ เพื่อให้สามารถโฟกัสกับงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์และการตัดสินใจแทน ตัวอย่างการใช้งานมีมากมายจนนับไม่ถ้วน เช่น เมื่อมีพนักงานใหม่เข้ามา ระบบส่งเอกสารการอบรมให้อัตโนมัติ หากโครงการล่าช้า ระบบจะส่งคำเตือนออกมาทันที หรือทุกต้นเดือน ระบบสร้างรายงานทางการเงินและส่งทางอีเมลให้อัตโนมัติ สิ่งเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้ดูเหมือนไม่สำคัญ แต่กลับกินพลังงานและความใส่ใจอย่างมหาศาล จึงเป็นพื้นที่ทองคำสำหรับการทำงานแบบอัตโนมัติ

เลิกกดๆ คลิกๆ ด้วยมือซะที การให้ดิ่งติงช่วยให้คุณ “นอนทำงานให้เสร็จ” ต่างหาก ถึงจะเป็นเคล็ดลับในการอยู่รอดของคนทำงานยุคใหม่



ฟีเจอร์หลักของดิ่งติง ออโตเมชั่น

เมื่อพูดถึงฟีเจอร์หลักของดิ่งติง ออโตเมชั่น ก็เหมือนกับการติด “เครื่องยนต์อัจฉริยะ” ให้กับงานของคุณ ฟีเจอร์แรกที่ต้องพูดถึงคือ ฟอร์มอัจฉริยะ — อย่ามองว่ามันเป็นแค่แบบฟอร์มธรรมดา เพราะมันสามารถคำนวณอัตโนมัติ มีเงื่อนไขกระโดดไปยังหน้าถัดไป และผูกกับกระบวนการอนุมัติได้ เช่น เมื่อขอเดินทางไปต่างจังหวัด ระบบทันทีแสดงมาตรฐานงบประมาณที่เกี่ยวข้อง ไม่ต้องกลับไปเปิดระเบียบให้ยุ่งยากอีกต่อไป

ต่อมาคือ การแจ้งเตือนอัตโนมัติ ซึ่งเป็นพระเอกสำหรับคนที่มักลืมงาน ใกล้กำหนดส่งโปรเจกต์สองวัน ระบบจะ @ ผู้รับผิดชอบโดยอัตโนมัติ ทุกวันศุกร์ตอนบ่ายสามโมงครึ่ง ระบบเตือนด้วยความอบอุ่นว่า “อย่าลืมส่งรายงานรายสัปดาห์นะ” คุณสามารถตั้งเวลา ผู้รับ และเงื่อนไขการเริ่มต้นได้ ทำให้การแจ้งเตือนแม่นยำเหมือนนาฬิกาปลุก แต่อ่อนโยนกว่าถึงร้อยเท่า

ฟีเจอร์ที่ทรงพลังที่สุดคงหนีไม่พ้น กระบวนการอนุมัติ การลา การเบิกเงิน การสั่งซื้อ ทั้งหมดสามารถตั้งเส้นทางได้เอง รองรับการอนุมัติหลายขั้นตอน รวมถึงเพิ่มผู้อนุมัติหรือโอนงานต่อได้ ที่เจ๋งกว่านั้นคือ ฟีเจอร์นี้สามารถเชื่อมกับฟอร์มอัจฉริยะได้ เมื่อข้อมูลถูกส่ง ระบบจะเริ่มกระบวนการอนุมัติทันที โดยไม่ต้องมีคนมาเริ่มต้นเอง ยกตัวอย่าง: เมื่อพนักงานส่งคำขอซื้อสินค้า หากระบบตรวจพบยอดเกินห้าพันหยวน จะส่งต่อไปยังผู้อำนวยการทันที และยังบันทึกเวลาที่ใช้ดำเนินการไว้ด้วย เพื่อใช้ปรับปรุงกระบวนการในอนาคต

ฟีเจอร์เหล่านี้ไม่ใช่เครื่องมือที่แยกจากกัน แต่เป็นระบบนิเวศที่เชื่อมโยงกันอย่างสมบูรณ์ ทำให้บรรลุเป้าหมาย “ตั้งค่าครั้งเดียว ประหยัดแรงยาวนาน”



วิธีตั้งค่าและปรับแต่งดิ่งติง ออโตเมชั่น

“กฎอัตโนมัติ” ฟังดูเหมือนบทพูดในหนังไซไฟใช่ไหม? อย่ากลัว! ในดิ่งติง มันก็เหมือนกับการจ้างเลขาส่วนตัวที่ไม่งีบหลับตลอด 24 ชั่วโมง ขั้นตอนแรกคือเข้าไปที่ “เวิร์กโฟลว์อัจฉริยะ” หรือ “ศูนย์ออโตเมชั่น” — อย่าตกใจกับชื่อ พอเข้าไปคุณจะพบว่าอินเตอร์เฟซเป็นมิตรราวกับรอยยิ้มของเจ้าของร้านอาหารเช้า

คลิก “สร้างกฎใหม่” ระบบจะถามคุณว่า “จะให้เริ่มเมื่อไหร่?” เช่น “เมื่อส่งฟอร์มแล้ว” หรือ “หลังจากอนุมัติเสร็จ” จากนั้นคือ “จะให้ทำอะไร?” เช่น “แจ้งผู้จัดการ” “อัปเดตข้อมูล” หรือ “ส่งต่อไปยังขั้นตอนถัดไปโดยอัตโนมัติ” เคล็ดลับเล็กๆ ตรงนี้คือ: ใช้เงื่อนไขสาขา (conditional branching) อย่างชาญฉลาด เพื่อให้กรณีต่างๆ เดินไปตามเส้นทางที่เหมาะสม ไม่ต้องให้ทุกอย่างมาทับถมอยู่ที่คนคนเดียว

หลังจากตั้งค่าเสร็จ อย่าเพิ่งรีบร้อนเปิดใช้งาน ควรทดสอบด้วยข้อมูลจำลองก่อนเสมอ มิฉะนั้นอาจเกิดเหตุการณ์ “ทั้งบริษัทรับแจ้งเตือนวันลาผิดพลาด” ขึ้นได้ นอกจากนี้ แนะนำให้ตรวจสอบประสิทธิภาพของกฎเป็นระยะ ราวกับทำการประเมินผลงานประจำปีให้เลขาของคุณ หากกระบวนการเปลี่ยนแปลง อย่าลืมอัปเดตกฎให้ทัน ไม่อย่างนั้นมันจะเหมือนกับการใช้แผนที่เก่าตามหาร้านอาหารใหม่ ยังไงก็หลงแน่นอน

ท้ายที่สุดนี้ ขอเตือนไว้สักหน่อย: กฎ越多ไม่ได้แปลว่ายิ่งดี ยิ่งตั้งเยอะยิ่งวุ่นวาย ควรเริ่มจากกระบวนการที่ปวดหัวที่สุด แล้วค่อยๆ ขยายออกไป แบบนี้ออโตเมชั่นถึงจะบินได้จริง ไม่ใช่หมุนอยู่กลางอากาศแล้วติดแหง็ก



การประยุกต์ใช้ดิ่งติง ออโตเมชั่นในงานจริง

ลองนึกภาพตามดู วันหนึ่งเช้ามืด ซีอวหวัง นักขายคนหนึ่ง เปิดดิ่งติง ระบบอัตโนมัติแจกจ่ายลูกค้าที่ลงทะเบียนเมื่อวาน 10 ราย ให้สมาชิกในทีมอย่างเท่าเทียม แถมใส่โน้ตไว้ให้ด้วยว่า “ลูกค้ารายนี้ชอบให้ติดต่อช่วงบ่ายสามโมงเป็นต้นไป” ไม่ต้องแย่งกันรับ ไม่ต้องกรอกข้อมูลเอง แม้แต่ข้อความแจ้งเตือนก็ส่งด้วยน้ำเสียงขี้เล่นว่า “ที่รัก อย่าลืมทักทายเพื่อนใหม่ของคุณนะ~” นี่ไม่ใช่ความฝัน แต่คือกิจวัตรปกติของแผนกขายที่ใช้ดิ่งติง ออโตเมชั่น

ลองมองที่ฝ่ายบุคคลดูบ้าง แต่ก่อนทุกสิ้นเดือนเธอจะจมอยู่กับคำขอลา แต่ตอนนี้แค่พนักงานส่งคำขอ ระบบจะตรวจสอบจำนวนวันลาที่เหลือ โครงสร้างกำลังคนในแผนก และอนุมัติหรือส่งต่อผู้จัดการโดยอัตโนมัติ รวมถึงหลีกเลี่ยงช่วงเวลาสำคัญของโปรเจกต์ได้ด้วย เคยมีผู้จัดการคนหนึ่งอยากลาช่วงที่โปรเจกต์กำลังจะเปิดตัว แต่ระบบตอบกลับด้วยความอ่อนโยนว่า “ที่รัก คุณถูกล็อกไว้แล้ว ต้องรอโปรเจกต์สำเร็จก่อนถึงจะปลดล็อกได้นะ!” ทุกคนหัวเราะและยอมรับ แถมยังลดภาระการสื่อสารลงไปมหาศาล

กระบวนการอัตโนมัติเหล่านี้ไม่เพียงลดงานซ้ำซาก แต่ยังลดข้อผิดพลาดจากมนุษย์อีกด้วย แน่นอนว่ายังมีจุดที่ต้องปรับปรุง เช่น บางครั้งอาจเข้าใจผิดว่าการนัดทานข้าวของแผนกการตลาดเป็นการเดินทางเพื่อธุรกิจ หรือยังไม่ฉลาดพอในการจัดตารางกะให้ตำแหน่งพิเศษ แต่ก็เหมือนกับการเลี้ยงสัตว์เสมือน ยิ่งใช้ ยิ่งเข้าใจคุณ แค่ปรับแต่งกฎไปเรื่อยๆ มันจะพัฒนาจาก “เครื่องมือ” กลายเป็น “เพื่อนร่วมทีมสุดเทพ” ได้ในที่สุด



แนวโน้มในอนาคตและการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง

แนวโน้มในอนาคตและการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่การดูดวง แต่เราอาจสวมแว่นตาเทคโนโลยีส่องดูภาพอนาคตของดิ่งติง ออฟฟิศออโตเมชั่นสักหน่อย ด้วยความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วของปัญญาประดิษฐ์ เครื่องเรียนรู้ และการประมวลผลภาษาธรรมชาติ ดิ่งติง ออโตเมชั่นอาจไม่ใช่แค่ “หุ่นยนต์ที่ทำงานตามขั้นตอน” อีกต่อไป แต่จะกลายเป็นผู้ช่วยอัจฉริยะที่เข้าใจความหมาย คาดการณ์ความต้องการ และอาจถามกลับมาว่า “หัวหน้าครับ ใบเบิกเงินนี้ลืมแนบใบเสร็จหรือเปล่า?”

ลองนึกภาพดู ระบบสามารถทำเครื่องหมายคำขอลาที่มีความเสี่ยงสูงได้เอง โดยอิงจากพฤติกรรมการอนุมัติในอดีต หรือการจัดสรรลูกค้าให้ทีมนักขาย ไม่ต้องพึ่งกฏตายตัวอีกต่อไป แต่ใช้ข้อมูลอัตราการปิดการขาย วิเคราะห์นิสัยลูกค้า และความถนัดของพนักงาน เพื่อจับคู่อย่างชาญฉลาด — นี่ไม่ใช่หนังไซไฟ แต่คือความจริงที่กำลังก่อตัวขึ้น สิ่งสำคัญกว่านั้นคือ ความคิดเห็นจากผู้ใช้ จะกลายเป็นเชื้อเพลิงหลักในการพัฒนา ทุกครั้งที่คุณคลิก “ส่งกลับ” หรือคอมเมนต์บ่น ล้วนเป็นข้อมูลมีค่าสำหรับระบบในการเรียนรู้

หากต้องการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ธุรกิจต้องไม่ใช่แค่ “ผู้ใช้” เท่านั้น แต่ต้องเป็น “ผู้ร่วมสร้าง” ด้วย ควรทบทวนจุดติดขัดของกระบวนการอัตโนมัติเป็นประจำ สนับสนุนให้พนักงานเสนอรายการความปรารถนา เช่น “ถ้าระบบทำ XXX ได้อัตโนมัติจะดีจัง” และร่วมมือกับนักพัฒนาในระบบนิเวศของดิ่งติงอย่างใกล้ชิด กลยุทธ์ล่วงหน้า? อย่ารอโซลูชันที่สมบูรณ์แบบ ให้ทดลองทีละเล็กทีละน้อยก่อน แล้วค่อยเพิ่มโมดูลอัจฉริยะเข้าไปทีละขั้น 畢竟 อนาคตของออโตเมชั่น ไม่ใช่แค่ประหยัดเวลา แต่คือการทำให้งานฉลาดขึ้น และอบอุ่นขึ้นด้วย



Using DingTalk: Before & After

Before

  • × Team Chaos: Team members are all busy with their own tasks, standards are inconsistent, and the more communication there is, the more chaotic things become, leading to decreased motivation.
  • × Info Silos: Important information is scattered across WhatsApp/group chats, emails, Excel spreadsheets, and numerous apps, often resulting in lost, missed, or misdirected messages.
  • × Manual Workflow: Tasks are still handled manually: approvals, scheduling, repair requests, store visits, and reports are all slow, hindering frontline responsiveness.
  • × Admin Burden: Clocking in, leave requests, overtime, and payroll are handled in different systems or calculated using spreadsheets, leading to time-consuming statistics and errors.

After

  • Unified Platform: By using a unified platform to bring people and tasks together, communication flows smoothly, collaboration improves, and turnover rates are more easily reduced.
  • Official Channel: Information has an "official channel": whoever is entitled to see it can see it, it can be tracked and reviewed, and there's no fear of messages being skipped.
  • Digital Agility: Processes run online: approvals are faster, tasks are clearer, and store/on-site feedback is more timely, directly improving overall efficiency.
  • Automated HR: Clocking in, leave requests, and overtime are automatically summarized, and attendance reports can be exported with one click for easy payroll calculation.

Operate smarter, spend less

Streamline ops, reduce costs, and keep HQ and frontline in sync—all in one platform.

9.5x

Operational efficiency

72%

Cost savings

35%

Faster team syncs

Want to a Free Trial? Please book our Demo meeting with our AI specilist as below link:
https://www.dingtalk-global.com/contact

WhatsApp