เหตุใดบันทึกการประชุมแบบดั้งเดิมจึงล้มเหลวเสมอ

บันทึกการประชุมแบบดั้งเดิมล้มเหลว เพราะข้อมูลถูกนำเสนอในรูปแบบข้อความหนาแน่น ทำให้ประเด็นสำคัญเลือนราง และสิ่งที่ต้องดำเนินการถูกละเลย ตามรายงานจาก Harvard Business Review ระบุว่า พนักงานกว่า 68% เคยพลาดภารกิจที่ได้รับมอบหมายในการประชุม ส่งผลโดยตรงให้โครงการล่าช้าและเกิดข้อพิพาทเรื่องความรับผิดชอบระหว่างแผนก การสื่อสารที่ไม่มีประสิทธิภาพเช่นนี้อาจทำให้ทีมเสียโอกาสในการทำงานไปโดยเฉลี่ย 21 วันต่อปี (จากการศึกษาประสิทธิภาพองค์กรของ HBR) สำหรับคุณแล้ว นั่นหมายความว่า คำตัดสินใจสำคัญกำลังหายไปจาความทรงจำ

  • บันทึกการประชุมในรูปแบบข้อความบริสุทธิ์ (ขาดลำดับชั้นเชิงภาพ) ทำให้ใช้เวลานานขึ้นถึง 40% ในการอ่าน และเพิ่มต้นทุนในการย้อนกลับไปตรวจสอบการตัดสินใจ —— ซึ่งหมายความว่าผู้บริหารจะต้องใช้เวลาเพิ่มเกือบครึ่งชั่วโมงในการตรวจสอบแต่ละครั้ง ชะลอจังหวะการทำงานโดยรวม
  • เนื้อหาที่ไม่มีโครงสร้างยากต่อการแยกแยะเป็นรายการสิ่งที่ต้องทำ (To-do items) ส่งผลให้ไม่ชัดเจนว่าใครต้องรับผิดชอบ —— ไม่สามารถซิงค์โดยอัตโนมัติกับแพลตฟอร์มความร่วมมืออย่าง DingTalk ทำให้วิศวกรมักพลาดการอัปเดต และผู้จัดการผลิตภัณฑ์ (PM) ต้องตามงานซ้ำแล้วซ้ำเล่า
  • อัตราการสูญเสียความรู้สูงถึง 42% (รายงานการจัดการความรู้ IDC 2024) —— ส่งผลกระทบอย่างมากต่อความสม่ำเสมอในการดำเนินงานของทีมที่ทำงานทางไกลหรือแบบอะซิงโครนัส ทำให้ระยะเวลาที่สมาชิกใหม่ปรับตัวเข้ากับงานเพิ่มขึ้นถึง 1.8 เท่า

เมื่อข้อสรุปจากการประชุมไม่สามารถแปลงเป็นแนวทางปฏิบัติได้ทันที องค์กรก็จะติดอยู่ในวงจร “ถกเถียงซ้ำๆ แต่ลงมือไม่ได้” เช่น บริษัทเทคโนโลยีการเงินแห่งหนึ่งในฮ่องกงพบว่า รอบการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตนล่าช้าไปเกือบ 17% เนื่องจากการตัดสินใจในที่ประชุมไม่ได้ถูกนำไปปฏิบัติ ซึ่งเทียบเท่ากับเสียโอกาสในการปล่อยผลิตภัณฑ์ออกไปหนึ่งครั้งต่อไตรมาส ปัญหาหลักไม่ได้อยู่ที่ระดับการมีส่วนร่วมของผู้เข้าร่วม แต่อยู่ที่ตัวกลางการสื่อสาร —— บันทึกแบบข้อความไม่สนับสนุนโครงสร้างการรับรู้ของสมองมนุษย์

เหตุนี้เองที่ "แผนผังความคิด" (Mind Map) จึงกลายเป็นทางออก เพราะมันเลียนแบบรูปแบบการคิดแบบเชื่อมโยงของมนุษย์ โดยแบ่งการอภิปรายที่ซับซ้อนออกเป็นโหนดตามลำดับชั้น (เช่น: การตัดสินใจ → เหตุผล → ผู้รับผิดชอบ → กำหนดส่ง) แผนผังความคิดของ DingTalk (DingTalk Mind Map) ถูกรวมเข้ากับกระบวนการควบคุมการประชุม ทำให้สามารถ “ประชุมไป สร้างโครงสร้างไป จัดสรรงานไป” พร้อมกันได้ ทุกกิ่งก้านสามารถแปลงเป็นการ์ดงาน (Task Card) และส่งต่อไปยังรายการสิ่งที่ต้องทำของสมาชิกได้ทันที นี่ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนรูปแบบ แต่เป็นการเปลี่ยนการประชุมให้กลายเป็นทรัพย์สิน — ทำให้ทุกครั้งที่ประชุมกลายเป็นคลังปัญญาองค์กรที่สามารถค้นหาและติดตามได้

ต่อไปเราจะเห็นว่า การเสริมพลังด้วยเทคโนโลยีสามารถเปลี่ยนข้อได้เปรียบนี้ให้กลายเป็นมูลค่าทางธุรกิจที่วัดผลได้อย่างไร

DingTalk Mind Map เปลี่ยนกระบวนการทำงานของการประชุมอย่างไร

DingTalk Mind Map แปลงบทสนทนาในการประชุมให้เป็นโครงสร้างโหนดแบบลำดับชั้น (โหนดความรู้สไตล์ Zettelkasten) ทำให้กระบวนการ “พูด → สรุป → จัดสรรงาน” รวมเป็นหนึ่งเดียว คุณไม่จำเป็นต้องใช้เวลา 3 ชั่วโมงหลังประชุมเพื่อจัดทำบันทึกอีกต่อไป เพียงใช้เวลาประชุมปกติก็สามารถสร้างข้อสรุปที่ปฏิบัติได้ทันที ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 300% บริษัทเทคโนโลยีแห่งหนึ่งที่นำระบบไปใช้ พบว่าเวลาในการสรุปผลประชุมลดลง 57% ซึ่งเทียบเท่ากับประหยัดเวลาได้มากกว่า 420 ชั่วโมงต่อปี

  • การแท็กเสียงแบบซิงค์ (DingTalk Speech Tagging Engine) หมายความว่า ความคิดเห็นของสมาชิกแต่ละคนจะถูกแมปอย่างแม่นยำไปยังโหนดที่เกี่ยวข้อง เพราะระบบจะเชื่อมโยงชิ้นส่วนเสียงอัตโนมัติกับหัวข้ออภิปราย —— ทำให้ผู้บริหารฝ่ายกฎหมายหรือฝ่ายกำกับดูแลสามารถย้อนกลับไปตรวจสอบประเด็นโต้แย้งได้อย่างรวดเร็ว ลดความเสี่ยงทางกฎหมาย
  • ลากแล้วมอบหมายงาน (Drag-to-Assign Workflow) หมายความว่าความเร็วในการสร้างงานเพิ่มขึ้น 80% เพราะ只需ลากแล้ววางก็สามารถสร้างรายการสิ่งที่ต้องทำและมอบหมายได้ทันที —— วิศวกรสามารถรับงานต่อได้ทันที หลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดและการยืนยันซ้ำ
  • เชื่อมต่อกับปฏิทิน / รายการสิ่งที่ต้องทำ (Sync with DingTalk Calendar & To-Do List) หมายความว่า มติที่ได้รับการอนุมัติจะซิงค์ไปยังตารางงานรายบุคคลโดยอัตโนมัติ เพราะงานจะถูกส่งผ่านแอป DingTalk ทันที —— ลดความเสี่ยงที่จะลืมดำเนินการเนื่องจากการสลับแพลตฟอร์ม ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการที่ยุ่ง

กระบวนการทำงานนี้ผสานวิธีการเชื่อมโยงความรู้แบบ Zettelkasten เข้ากับการออกแบบการประชุมแบบอัจฉริยะ (Agile Meeting Design) ทำให้การประชุมไม่ใช่แค่สถานที่ตัดสินใจ แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการสะสมความรู้ การประชุมแบบดั้งเดิมล้มเหลวเพราะ “การบันทึกที่ไม่มีโครงสร้าง” ในขณะที่ DingTalk Mind Map บังคับให้มีโครงสร้างตรรกะ ทำให้ข้อมูลไม่กระจัดกระจาย คุณจะไม่ได้รับแค่ไฟล์ PDF อีกต่อไป แต่จะได้รับเครือข่ายความรู้แบบไดนามิกที่สามารถติดตามและขยายต่อได้

ที่สำคัญกว่านั้น โหนดที่มีโครงสร้างเหล่านี้จะตกตะกอนกลายเป็น "ความทรงจำขององค์กร" (Organizational Memory Bank) โดยอัตโนมัติ และกลายเป็นทรัพยากรป้อนข้อมูลสำหรับการประชุมวางแผนครั้งต่อไป จากการติดตามผู้ใช้ภายในพบว่า หลังใช้งานต่อเนื่อง 6 เดือน คำถามที่ซ้ำซากลดลง 63% และความเร็วในการปรับตัวของสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้น 2.1 เท่า —— นั่นหมายความว่า ต้นทุนการประชุมของคุณกำลังลดลงตามกาลเวลา

จากกระบวนการที่ดีขึ้นไปจนถึงการสะสมความรู้ ขั้นตอนต่อไปคือการวัดผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ที่แท้จริง

จากข้อมูลการประชุมสู่สินทรัพย์ความรู้ขององค์กร

ทุกโครงสร้างโหนดที่สร้างขึ้นผ่านเทมเพลตบันทึกการประชุม DingTalk Mind Map เป็นสินทรัพย์ปัญญาองค์กรที่สามารถค้นหาและสืบทอดได้ การสะสมแบบมีโครงสร้างนี้เปลี่ยนความรู้องค์กรจาก “ความทรงจำส่วนบุคคล” ให้กลายเป็น “ความทรงจำระบบ” ตามรายงานแนวโน้มการจัดการความรู้ของ IDC ปี 2024 องค์กรที่ใช้ระบบนี้สามารถลดคำถามที่ซ้ำซากภายในองค์กรได้ถึง 72% ซึ่งหมายความว่า ระยะเวลาอบรมพนักงานใหม่ของทีมคุณจะสั้นลงโดยเฉลี่ย 40% และความต่อเนื่องของกลยุทธ์จะยืดยาวข้ามไตรมาสโดยไม่ขาดตอน

  • DingTalk Mind Map (รองรับการซิงค์หลายอุปกรณ์และการจัดการสิทธิ์การเข้าถึง) บันทึกโครงสร้างตรรกะของการประชุมทุกครั้งโดยอัตโนมัติ เพราะทุกการเปลี่ยนแปลงจะถูกสำรองไว้ในคลาวด์แบบเรียลไทม์ —— ผู้บริหารระดับสูงสามารถเรียกดูเส้นทางการตัดสินใจในอดีตได้ทุกเมื่อ เพิ่มประสิทธิภาพในการอนุมัติ
  • ฟังก์ชันจัดกลุ่มด้วยป้ายกำกับ (AI-powered Semantic Clustering Engine) สามารถรวบรวมบทสนทนาที่กระจายอยู่ให้กลายเป็นกลุ่มหัวข้อ เช่น “ปัญหาลูกค้า” หรือ “ลำดับความสำคัญของผลิตภัณฑ์” ได้ทันที เพราะ AI จะตรวจจับคำสำคัญและบริบทโดยอัตโนมัติ —— ผู้จัดการผลิตภัณฑ์สามารถรวบรวมข้อมูลเชิงลึกได้อย่างรวดเร็ว ช่วยเร่งการเขียน PRD
  • กลุ่มเหล่านี้จะสร้างแผนผังความรู้เฉพาะองค์กร (Knowledge Graph) แบบไดนามิก (คล้ายวิกิภายใน แต่มีการเชื่อมโยงตามบริบท) เพราะโหนดต่างๆ มีความสัมพันธ์ด้านเหตุและผล —— CEO สามารถมองเห็นพื้นที่ร้อนของประเด็นทั้งหมดได้ในแวบเดียว เพื่อจัดสรรทรัพยากรได้อย่างเหมาะสม

เมื่อข้อมูลการประชุมถูกยกระดับเป็นสินทรัพย์ความรู้ คุณไม่ได้แค่บันทึกข้อสรุป แต่กำลังสะสมข้อมูลเชิงกลยุทธ์ เช่น บริษัทเทคโนโลยีการเงินแห่งหนึ่ง หลังใช้งาน 6 เดือน สามารถค้นหาแท็ก “ความเสี่ยงด้านกฎระเบียบ” ในแผนผังความคิดเก่า และหลีกเลี่ยงการพัฒนาความต้องการที่ซ้ำซ้อนไปสองครั้ง ประหยัดต้นทุนการสื่อสารได้ประมาณ 180 ชั่วโมงต่อไตรมาส นี่คือก้าวสำคัญจากการปรับปรุงกระบวนการสู่การเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์

กลไกการสะสมความรู้นี้ยังเป็นรากฐานสำหรับการวิเคราะห์ ROI ในบทต่อไป —— เพราะทุกโหนดที่ถูกนำกลับมาใช้ หมายถึงต้นทุนการตัดสินใจที่ไม่ต้องเริ่มต้นใหม่ ในอนาคต คุณจะสามารถคำนวณ “มูลค่าความรู้ระยะยาวที่เกิดขึ้นครั้งเดียวจากการประชุม” และเปลี่ยนพฤติกรรมความร่วมมือให้กลายเป็นผลตอบแทนที่วัดได้จริง

การวัดผลตอบแทนจากการลงทุนของ DingTalk Mind Map

ยกตัวอย่างทีมขนาดกลาง (50 คน) การใช้เทมเพลตบันทึกการประชุม DingTalk Mind Map สามารถประหยัดต้นทุนการบริหารงานได้เทียบเท่า HK$186,000 ต่อปี และเพิ่มประสิทธิภาพการส่งมอบโครงการได้ 9.3 วัน นี่ไม่ใช่แค่การประหยัดเวลา แต่คือการเพิ่มขีดความสามารถในการหมุนเวียนกระแสเงินสดและการนำทรัพยากรไปลงทุนใหม่ ทุกวันที่ประหยัดได้ หมายถึงการได้รับเงินเร็วขึ้น และสามารถเริ่มรอบธุรกิจถัดไปได้เร็วขึ้น

  • DingTalk Mind Map Template จัดโครงสร้างเนื้อหาการประชุมโดยอัตโนมัติ แทนการพิมพ์และจัดรูปแบบด้วยตนเอง ช่วยประหยัดเวลาในการจัดทำ 3.2 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ —— จากรายงานการตรวจสอบการดำเนินงานภายใน การเพิ่มประสิทธิภาพนี้ช่วยลดภาระงาน PMO โดยตรง หมายความว่า บุคลากรมีอิสระที่จะมุ่งเน้นไปที่การวางแผนเชิงกลยุทธ์ แทนที่จะจมอยู่กับงานเอกสาร
  • การติดตามงานผ่านโหนดที่มองเห็นได้ (Task Visibility Layer) เพิ่มความโปร่งใสในการทำงานร่วมกันระหว่างแผนกได้ 76% ตามการศึกษาชี้วัดการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล Q3 ทำให้โครงการส่งมอบเร็วขึ้นโดยเฉลี่ย 9.3 วัน เทียบเท่ากับเพิ่มผลผลิตได้ 2.4 สัปดาห์เต็มต่อปี —— สำหรับผู้บริหารฝ่ายการเงิน นี่เท่ากับเพิ่มกำลังการผลิตประจำปี 5.8%

หากนำเวลาที่ประหยัดได้ไปใช้กับกิจกรรมที่มีมูลค่าสูงขึ้น เช่น การวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้า ผลการจำลองแสดงว่า ความพึงพอใจของผลิตภัณฑ์จะเพิ่มขึ้น 15% (จากโมเดลความสัมพันธ์ระหว่างการลงทุนด้าน UX กับคะแนน NPS) นี่คือเส้นทางการเปลี่ยนความรู้ให้เกิดมูลค่า จาก “การบันทึกแบบตอบสนอง” สู่ “นวัตกรรมเชิงรุก” ซึ่งสานต่อผลลัพธ์การสะสมสินทรัพย์ความรู้องค์กรจากบทก่อนหน้า

เมื่อเทียบกับวิธีการดั้งเดิม การวิเคราะห์ TCO (ต้นทุนรวมตลอดอายุการใช้งาน) แสดงว่า หากต้องการรักษาระดับประสิทธิภาพเท่าเดิม จะต้องจ้างพนักงานเพิ่มอย่างน้อย 1 คน ไม่ว่าจะเป็นผู้ช่วยเต็มเวลาหรือเจ้าหน้าที่ PMO (ต้นทุนต่อปีประมาณ HK$220,000–280,000) ในขณะที่โซลูชัน DingTalk ไม่ต้องเพิ่มต้นทุนแรงงาน เพิ่มประสิทธิภาพโดยไม่เพิ่มต้นทุน —— สำหรับ CFO แล้ว นี่คือการลงทุนทางดิจิทัลที่ให้ผลตอบแทนสุทธิ

สิ่งที่คุณกำลังจะได้รับไม่ใช่แค่การใช้เครื่องมือ แต่คือวิธีการเปลี่ยน “ศูนย์ต้นทุนการประชุม” ให้กลายเป็น “เครื่องยนต์การดำเนินกลยุทธ์” ต่อไปนี้ เราจะเข้าสู่แก่นสำคัญของการปฏิบัติ: 5 ขั้นตอนสร้างเทมเพลตแผนผังความคิดการประชุมเฉพาะองค์กรของคุณ เพื่อให้ประโยชน์เหล่านี้เกิดขึ้นจริงในทีมคุณ

5 ขั้นตอนสร้างเทมเพลตแผนผังความคิดการประชุมเฉพาะคุณ

การสร้างเทมเพลตแผนผังความคิดที่มีประสิทธิภาพ ใช้เพียง 5 ขั้นตอน: กำหนดประเภทการประชุม, ออกแบบโครงสร้างโหนดหลัก, ตั้งป้ายกำกับมาตรฐาน, ผูกกับกระบวนการอัตโนมัติ, และสร้างฉันทามติในทีมพร้อมปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง วิธีการนี้ช่วยให้คุณสร้างมาตรฐานการประชุมระดับองค์กรภายใน 3 วัน ทำให้เกิดผลในเชิง “ตั้งค่าครั้งเดียว ใช้ซ้ำได้ร้อยครั้ง” จากข้อมูลทดสอบภายใน พบว่า เวลากำหนดการประชุมขององค์กรลดลงโดยเฉลี่ย 67% และอัตราการปฏิบัติตามมติเพิ่มขึ้นเป็น 91%

  • 1) กำหนดประเภทการประชุม (เช่น ประชุมรายสัปดาห์ ทบทวนผลงาน วางแผนกลยุทธ์) — การแยกแยะฉากการใช้งานอย่างแม่นยำคือพื้นฐานของเทมเพลตที่มีประสิทธิภาพ DingTalk Mind Map รองรับการจัดหมวดหมู่หลายมิติและการจัดการสิทธิ์ สามารถโหลดโครงสร้างล่วงหน้าตามลักษณะการประชุม —— หลีกเลี่ยงการสร้างโครงสร้างใหม่ทุกครั้ง ประหยัดเวลาเตรียมงานประมาณ 45 นาทีต่อการประชุม ซึ่งมีค่ามากสำหรับผู้จัดการโครงการ
  • 2) ออกแบบโครงสร้างโหนดหลัก — ใช้ห่วงโซ่เหตุผล 4 ขั้นตอน “เป้าหมาย → อภิปราย → ข้อสรุป → การดำเนินการ” เพื่อให้การประชุมไม่หลุดจากประเด็น โครงสร้างนี้ได้รับการพิสูจน์จากทีม Alibaba Cloud (สนับสนุนการประสานงานข้ามแผนกมากกว่า 2,000 ครั้ง) ทำให้จุดสะดุดในการเปลี่ยนมติเป็นการปฏิบัติลดลง 73% —— ช่วยให้ทีมวิศวกรรมโฟกัสที่การแก้ปัญหา แทนที่จะเสียเวลาทำความเข้าใจพื้นหลังซ้ำๆ
  • 3) ตั้งป้ายกำกับมาตรฐาน (เช่น #ความเสี่ยง #นวัตกรรม #เร่งด่วน) — ระบบป้ายกำกับช่วยให้ค้นหาข้อมูลสำคัญได้ในไม่กี่วินาที และติดตามผลต่อได้ ร่วมกับตัวกรองอัจฉริยะของ DingTalk (รองรับการติดป้ายเชิงความหมายและการเน้นจำแนกประเภท) ประสิทธิภาพในการจัดแนวเป้าหมาย OKR เพิ่มขึ้น 40% และความเร็วในการตรวจสอบของผู้บริหารเพิ่มขึ้น 2 เท่า —— ทำให้ผู้บริหารระดับสูงสามารถเข้าใจสถานะการตัดสินใจสำคัญได้ภายใน 30 วินาที
  • 4) ผูกกับกระบวนการอัตโนมัติ — เชื่อมแผนผังความคิดกับการแจ้งเตือน DingTalk และเอกสารคลาวด์ (เช่น Alibaba Cloud Drive หรือ DingTalk Library) เพื่อให้ “มติได้รับการยืนยัน งานก็ถูกส่งทันที” ลูกค้าบริษัทเทคโนโลยีการเงินรายหนึ่ง หลังใช้งาน ช่วงเวลาการปิดงานลดจาก 5.8 วัน เหลือเพียง 2.1 วัน —— เพิ่มความยืดหยุ่นในการดำเนินงานและความสามารถในการรักษาคำมั่นกับลูกค้า
  • 5) ฝึกอบรมทีมและปรับปรุงเวอร์ชัน — หลังเปิดใช้เวอร์ชันแรก ให้รวบรวมความคิดเห็นและปรับปรุงเทมเพลตทุกไตรมาส ใช้การทดสอบ A/B เพื่อเปรียบเทียบระดับการมีส่วนร่วมและความหนาแน่นของผลลัพธ์ เพื่อเสริมสร้างพฤติกรรมความร่วมมืออย่างต่อเนื่อง และสร้างกลไกสะสมสินทรัพย์ความรู้องค์กร —— เพื่อให้ระบบถูกนำไปใช้จริง ไม่ใช่แค่เครื่องมือที่ถูกทิ้งไว้เฉยๆ

เรามีเทมเพลตในรูปแบบ NTML ให้ดาวน์โหลดได้ (รองรับ API เวอร์ชันล่าสุดของ DingTalk) พร้อมโมดูลเชื่อมต่อแดชบอร์ด OKR โดยตรง ทำให้ผลลัพธ์จากการประชุมสะท้อนไปยังความคืบหน้าเป้าหมายได้ทันที นี่ไม่ใช่แค่การอัปเกรดเครื่องมือ แต่คือการเปลี่ยนต้นทุนการประชุมให้กลายเป็นสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ — เมื่อทุกการประชุมสามารถสร้างโหนดคุณค่าที่ติดตามได้ วิเคราะห์ได้ และใช้ซ้ำได้ องค์กรของคุณก็จะก้าวเข้าสู่ยุคแห่งความร่วมมือที่มีผลทบต้นอย่างแท้จริง ดาวน์โหลดเทมเพลตตอนนี้ และเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงสู่การประชุมที่สร้างสินทรัพย์ ให้ทุกครั้งที่ประชุมสร้างข้อได้เปรียบในการแข่งขันระยะยาวให้กับองค์กร


We dedicated to serving clients with professional DingTalk solutions. If you'd like to learn more about DingTalk platform applications, feel free to contact our online customer service or email at This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.. With a skilled development and operations team and extensive market experience, we’re ready to deliver expert DingTalk services and solutions tailored to your needs!

Using DingTalk: Before & After

Before

  • × Team Chaos: Team members are all busy with their own tasks, standards are inconsistent, and the more communication there is, the more chaotic things become, leading to decreased motivation.
  • × Info Silos: Important information is scattered across WhatsApp/group chats, emails, Excel spreadsheets, and numerous apps, often resulting in lost, missed, or misdirected messages.
  • × Manual Workflow: Tasks are still handled manually: approvals, scheduling, repair requests, store visits, and reports are all slow, hindering frontline responsiveness.
  • × Admin Burden: Clocking in, leave requests, overtime, and payroll are handled in different systems or calculated using spreadsheets, leading to time-consuming statistics and errors.

After

  • Unified Platform: By using a unified platform to bring people and tasks together, communication flows smoothly, collaboration improves, and turnover rates are more easily reduced.
  • Official Channel: Information has an "official channel": whoever is entitled to see it can see it, it can be tracked and reviewed, and there's no fear of messages being skipped.
  • Digital Agility: Processes run online: approvals are faster, tasks are clearer, and store/on-site feedback is more timely, directly improving overall efficiency.
  • Automated HR: Clocking in, leave requests, and overtime are automatically summarized, and attendance reports can be exported with one click for easy payroll calculation.

Operate smarter, spend less

Streamline ops, reduce costs, and keep HQ and frontline in sync—all in one platform.

9.5x

Operational efficiency

72%

Cost savings

35%

Faster team syncs

Want to a Free Trial? Please book our Demo meeting with our AI specilist as below link:
https://www.dingtalk-global.com/contact

WhatsApp