“หัวหน้าครับ ผมไม่ได้หนีไปไหน แค่ตามหาความฝัน — 顺便ก็หลบเลี่ยงการประชุมแผนกทุกวันศุกร์ไปด้วย” ประโยคนี้อาจไม่เหมาะจะเขียนในจดหมายลาออกจริงๆ แต่แนวคิดนั้นควรนำมาใช้ ข้อความแรกที่คุณส่งทาง DingTalk ก่อนกด “ส่ง” คือกำแพงไฟที่จะกำหนดว่าหัวหน้าจะหรี่ตาใส่ หรือหัวเราะออกมา อย่าเริ่มต้นด้วย “ขอขอบคุณองค์กรที่ให้โอกาส” แบบเป๊ะๆ เพราะมันรู้สึกเหมือนเรียงความตอนประถม “อาชีพในฝันของฉัน” — จริงใจ แต่จำไม่ได้เลยสักนิด
แทนที่จะเล่าเรื่องตรงๆ ลองเริ่มจากช่วงเวลาที่ดูเพี้ยนแต่จริงแท้: “จำวันที่เซิร์ฟเวอร์ล่มเดือนที่แล้วได้ไหมครับ? ผมกินมาม่าอยู่ พร้อมพูดผ่านเสียง DingTalk สั่งไอทีเล็กหวังให้รีสตาร์ทระบบ ขณะที่คุณส่งอีโมจิ ‘สู้ๆ’ ในกลุ่ม ช่วงนั้น ผมรู้สึกเหมือนได้เห็นการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีและความอบอุ่นของมนุษย์อย่างลงตัว” การเปิดเรื่องแบบนี้ทั้งแสดงความตั้งใจในการทำงาน และสร้างภาพร่วมทุกข์ร่วมสุข แถมแอบชมหัวหน้าเรื่องความเข้าใจผู้อีกต่างหาก
อารมณ์ขันไม่ใช่การเยาะเย้ย แต่คือการห่อความจริงใจไว้ในมุกตลก คุณอาจหัวเราะเยาะตัวเองได้: “ตลอดสามปีที่ผ่านมา ผมเรียนรู้สองอย่าง: วิธีไม่หลับในการประชุมเช้า และวิธีแปลวลี ‘ปรับอีกนิด’ ให้กลายเป็น ‘ทำใหม่แปดรอบ’” เมื่อหัวหน้าหัวเราะจบ เขาจะรู้สึกได้ว่า คนคนนี้เข้าใจงาน และมีหัวใจ
คำขอบคุณและความทรงจำ: แบ่งปันช่วงเวลาดีๆ ที่บริษัท
คำขอบคุณและความทรงจำ: แบ่งปันช่วงเวลาดีๆ ที่บริษัท
ในช่วงเดินทางนี้ ผมได้เรียนรู้สามสิ่ง: หนึ่ง ฟีเจอร์ “อ่านแล้ว” ของ DingTalk โหดร้ายกว่าแฟนเก่า; สอง การต้มมาม่าเงียบๆ ในมุมพักกาแฟยามเที่ยง คือทักษะพื้นฐานของการอยู่รอด; สาม “เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยแก้” คือคำสาปที่พบบ่อยที่สุดในงานโปรเจกต์ เหล่านี้คือประสบการณ์ล้ำค่าที่บริษัทนี้สอนผมด้วยหยาดเลือด (และค่าล่วงเวลา)
ขอขอบคุณเป็นพิเศษกับเม่ยฝ่ายธุรการ ที่วันที่ผมลืมเอากล่องประกันสุขภาพมา กลับคว้ารายการ “ผู้ติดต่อฉุกเฉิน” ที่เขียนว่า “แมว: อาฮัว” จากลิ้นชัก แถมยังให้ทิชชูมาหนึ่งม้วน — ช่วงนั้นผมแทบรีบถอนเงินบำนาญมาขอเธอแต่งงาน อีกทั้ง ตอนงานเลี้ยงปีใหม่ที่จับฉลากได้รางวัลใหญ่เป็น “ไม้กวาดของแม่บ้าน” จนออฟฟิศหัวเราะจนเกือบทำให้ไซเรนดับเพลิงทำงาน ไม้กวาดนั้นยังแขวนอยู่ในห้องนั่งเล่นบ้านผม จัดเป็น “โบราณวัตถุแรงบันดาลใจในที่ทำงาน”
ขอบคุณทีมงานที่ยอมรับทุกครั้งที่ผมประชุมแล้วบอกว่า “ผมขอพูดแค่ห้านาที” แต่พูดไปครึ่งชั่วโมงแถมใส่แอนิเมชันใน PPT ขอบคุณหัวหน้าที่ไม่เคยเปิดโปงว่า ผมกดส่งข้อความ DingTalk ว่า “ถึงแล้ว” ถึงสิบครั้ง แต่ตัวจริงยังอยู่บนรถไฟฟ้ากำลังกด “ส่ง” แบบรัวๆ คดีฉ้อโกงออนไลน์ที่ดำเนินมายาวนานสองปีนี้ คุณไม่เคยจับได้
ความทรงจำพวกนี้ เหมือนไฟล์ในเครื่องผมที่ชื่อว่า “ฉบับสุดท้าย_v3_จริงๆแล้ว_อย่าแก้” ที่ลบไม่ลง มันยุ่งเหยิงแต่อุ่นใจ และสมควรได้รับการเก็บรักษาไว้เสมอ
เหตุผลและการอธิบาย: ทำไมถึงเลือกออก
เหตุผลและการอธิบาย: ทำไมถึงเลือกออก ส่วนนี้ไม่ใช่ให้คุณมาร้องไห้诉 ว่าการเมืองในออฟฟิศโหดร้ายแค่ไหน หรือแฉว่าหัวหน้าแอบใช้เครื่องพิมพ์บริษัทพิมพ์การ์ดโปเกมอน ไม่ๆ เราต้องการ “การจากไปอย่างสง่างาม ราวกับเพนกวินสวมสูท”
พูดตามตรง ผมไม่ได้ออกเพราะต้องเช็คอิน DingTalk ทุกวันจนเหมือนจีบเครื่องจักร หรือเพราะทุกเที่ยงต้องเจอละครซีรีส์ “ใครขโมยกล่องข้าวฉัน” ในมุมพักกาแฟ แต่เหตุผลจริงๆ คือ วิญญาณนักผจญภัยในตัวผม เริ่มส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือจากดาวอังคารบ่อยขึ้น นักวิทยาศาสตร์บอกว่า มนุษย์เราควรเปลี่ยนบรรยากาศสักครั้งในชีวิต มิฉะนั้นวิญญาณจะเป็นสนิม ผมไม่อยากรอถึงวัยเกษียณแล้วพบว่าเหลือเพียงข้อความ DingTalk ที่ยังไม่อ่าน และใบประกาศ “พนักงานมาครบ” เพียงอย่างเดียว
แน่นอน ผมไม่ได้คิดจะไปเปิดร้านชาไข่มุกที่ขั้วโลกใต้ทันที แต่ชีวิตก็เหมือนกลุ่มแชท DingTalk หากอยู่นานเกินไปจะโดนกลบโพสต์ การรู้จักออกมาก่อน จะได้ไม่พลาดจรวดลำต่อไปที่มุ่งสู่ความฝัน ผมต้องไปหาความท้าทายใหม่ เช่น เรียนรู้วิธีเจรจากับมนุษย์ต่างดาวโดยไม่ต้องพึ่งซอฟต์แวร์แปลภาษา หรือท้าทายตัวเองให้ “ไม่สายติดต่อกันหนึ่งเดือน”
โปรดเชื่อเถอะ นี่ไม่ใช่การหนี แต่คือการอัปเกรด อย่างตัวละครในเกมที่เลเวลเต็มแล้วต้องเปลี่ยนคลาส ผมก็ควรไปปลดล็อกต้นไม้ทักษะใหม่ในชีวิตเช่นกัน
แผนในอนาคต: ก้าวต่อไปของคุณ
แผนในอนาคต: ก้าวต่อไปของคุณ ฟังดูเหมือนคำตอบที่ผมเขียนในหนังสือรุ่นตอนประถมว่า “โตขึ้นอยากเป็นอะไร” แต่ครั้งนี้ ผมไม่ได้อยากเป็นตำรวจหรือนักบินอวกาศ — เดี๋ยวนะ จริงๆ ผมจะเป็นนักบินอวกาศ! หัวหน้าครับ อย่ากังวล ผมไม่ได้จะไปสมัครงานที่ NASA แต่จะตั้งกล้องโทรทรรศน์ที่ระเบียงบ้าน เพื่อเริ่มจากการส่องดาวอังคารว่ามีประกาศรับสมัครงานไหม
พูดจริงๆ การลาออกไม่ใช่การหนีจากความเป็นจริง แต่คือการพุ่งเข้าสู่จักรวาลคู่ขนานอีกใบ ผมวางแผนจะใช้เวลาต่อจากนี้เรียนรู้วิธีสยบมังกร — แน่นอน “มังกร” ที่นี่หมายถึงความฝันสุดห่ามในการทำธุรกิจของผม ส่วนวิธี “สยบ” ก็คงต้องดื่มกาแฟวันละสิบแก้ว จนนอนดึกจนวิญญาณออกจากร่าง ถ้าทุกอย่างไปได้ด้วยดี ผมอาจเปิดรถเข็นขาย “ซุปเยียวยาสำหรับมนุษย์เงินเดือนอดีต” จานเด็ดคือ “ซุปที่หัวหน้าไม่ปรากฏ” แถมให้ “ยาแก้พิษสำหรับ DingTalk อ่านแล้วไม่ตอบ”
หรือผมอาจเปลี่ยนอาชีพเป็นชนเผ่าเร่ร่อนดิจิทัล เขียนนิยายริมชายหาดในประเทศไทย โดยมีตัวเอกเป็นมนุษย์เงินเดือนที่อาศัยฟีเจอร์ตอบอัตโนมัติใน DingTalk อยู่รอดมาได้ถึงสิบปี ก็เป็นไปได้ ขั้นต่อไปของผมอาจเป็นการเรียนต่อ การเริ่มต้นธุรกิจ หรือสมัครรายการเรียลลิตี้ “เอาชีวิตรอดบนเกาะร้าง” สิ่งที่แน่ๆ คือ ผมจะไม่ตอบกลับข้อความว่า “รับทราบ ขอบคุณ” อีกตอนตีสองแล้ว
ตอนจบที่งดงาม: ฝากความประทับใจไว้
ตอนจบที่งดงาม: ฝากความประทับใจไว้ เหมือนของหวานหลังมื้ออาหารอันแสนอร่อย ไม่ว่าอาหารจานหลักจะเลิศแค่ไหน ก็ต้องมีตอนจบให้คนจำได้ยาวๆ จดหมายลาออกทาง DingTalk ของคุณก็เช่นกัน อย่าเพิ่งหายไปหลังเขียนว่า “ผมไปนะ” แบบนั้นจะเหมือนเพื่อนร่วมงานที่ส่งข้อความแล้วหายตัวไปในกลุ่ม จับ影ไม่ได้เลย ถึงเวลาแล้วที่จะแสดงความอ่อนโยนและอารมณ์ขันครั้งสุดท้าย
คุณสามารถขอบคุณโอกาสดีๆ ที่บริษัทมอบให้ เช่น “ขอบคุณที่ยอมรับนิสัยติดกาแฟของผมมาสามปี และการรีสตาร์ทแอป DingTalk แบบไม่จำกัด” แล้วเสริมด้วยความรู้สึกดราม่าเล็กน้อย: “ถึงผมจะกำลังออกจากสนามรบแห่งนี้ แต่หัวใจผมจะยังอยู่กับพวกคุณ ทำงานล่วงเวลาจนถึงตีสองเหมือนเดิม” น้ำเสียงแบบนี้ทั้งอบอุ่นและไม่อึดอัด จนหัวหน้าอ่านแล้วอดไม่ได้ที่จะกดไลก์
ข้อความอวยพรคือเวทีแสดงความคิดสร้างสรรค์ อย่าเขียนแค่ “ขอให้บริษัทเจริญรุ่งเรือง” ฟังดูเหมือนเขียนโดย AI ลองแบบนี้ดู: “ขอให้พวกคุณในช่วงที่ไม่มีผม ยังสามารถเช็คอินตรงเวลา ผ่านการอนุมัติได้ราบรื่น และไม่ถูกแจ้งเตือนเสียงจาก DingTalk จนหัวใจจะวาย” หรือเวอร์ขึ้นไปอีก: “ถ้าในอนาคตพวกคุณเจอวิกฤตใหญ่ อย่าลังเลที่จะส่งข้อความมาหาผม — ถึงผมอาจจะเลี้ยงเพนกวินอยู่ที่ขั้วโลกใต้ แต่แค่เห็นจุดแดงแจ้งเตือนที่ยังไม่อ่าน ผมก็จะรู้สึกเจ็บแปลบในใจ”
ทิ้งท้ายด้วยประโยค: “เลิกกันไม่เจอกัน แต่ยังทักทายกันผ่าน DingTalk!” ให้การจากลาไม่หนักหน่วง แต่เหมือนจุดเริ่มต้นของงานส่งท้ายที่สนุกสนาน เพราะใครจะไม่อยากจดจำคนๆ หนึ่งที่จากไปด้วยรอยยิ้ม และยังไม่ลืมส่งอีโมจิให้สักหนึ่งอัน呢?