หากจะเปรียบการออกสู่ตลาดโลกของบริษัทจีนเป็นการผจญภัยทางทะเลระดับอีพิก เสียงแตรเรือแห่งการปฏิรูปและเปิดกว้างก็คือเสียงประกาศเริ่มต้นที่ดังกระหึ่ม เมื่อปี 1978 คำพูดของเติ้งเสี่ยวผิงที่ว่า “เดินข้ามลำธารโดยการคลำหิน” ไม่เพียงทำให้เขตเศรษฐกิจพิเศษเกิดขึ้นอย่างดอกเห็ด แต่ยังได้ปลูกเมล็ดพันธุ์แห่งความฝันในการพิชิตมหาสมุทรสีครามในหัวใจของมังกรตะวันออกไว้อย่างเงียบ ๆ
ในตอนแรก บริษัทเหล่านี้ยังแค่ทดลองลงน้ำในเขตน่านน้ำใกล้เคียง ส่งออกถุงเท้าหรือไฟแช็ก เพื่อหารายได้จากสกุลเงินต่างประเทศ แต่เมื่อกำลังชาติแข็งแกร่งขึ้น กระเป๋าหนักขึ้น ความกล้าก็เพิ่มพูน — จะใครยอมอยู่แค่ตำแหน่งคนงานสายการผลิตของ “โรงงานโลก” กันเล่า? จึงเกิดการเปลี่ยนผ่านจากงานผลิตแบบ OEM มาสู่แบรนด์ของตัวเอง จากการติดฉลากสินค้าของผู้อื่น มาสู่การวางโครงสร้างธุรกิจทั่วโลก คำถามที่บริษัทจีนเริ่มตั้งคือ เราจะเป็นกัปตันเรือได้ไหม แทนที่จะเป็นเพียงลูกเรือ?
ขณะนั้น รัฐบาลก็ส่งแผนที่การเดินเรือมาให้ — โครงการแถบและเส้นทาง (Belt and Road Initiative) ราวกับแผนที่เส้นทางการเดินเรือของเจิ้งเหอในยุคปัจจุบัน เชื่อมโยงทวีปเอเชีย แอฟริกา และยุโรป เสนอทั้งเงินทุน นโยบาย และการสนับสนุนด้านการทูต ทั้งกองทุนเส้นทางสายไหม (Silk Road Fund) และธนาคารเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานแห่งเอเชีย (AIIB) ต่างออกมาเคลื่อนไหว ไม่ใช่แค่สร้างสะพานหรือถนน แต่คือการเปิดเส้นทางสำคัญให้กับบริษัท ไม่ว่าจะเป็นเงินอุดหนุน สิทธิประโยชน์ทางภาษี หรือแพลตฟอร์มความร่วมมือข้ามพรมแดน เปรียบเสมือนการติดระบบนำทาง GPS และใบเรือไร้พ่ายให้กับบริษัทที่ออกไปสู่ต่างประเทศ
อย่าลืมว่า การขยายตัวนี้ไม่ใช่การขยายอย่างไร้ทิศทาง แต่เป็นการโจมตีเชิงกลยุทธ์ของ “ทีมชาติ” ภายใต้แรงผลักดันจากนโยบาย คือการวางแผนเชิงลึกในด้านการส่งออกกำลังการผลิต การยกระดับเทคโนโลยี และการทำให้หยวนกลายเป็นสกุลเงินสากล ในขณะที่ตะวันตกยังคงสงสัยว่าโมเดลจีนจะแล่นเรือไกลได้หรือไม่ พวกเราได้ยกใบเรือเต็มใบ และพร้อมที่จะทะลวงคลื่นไปข้างหน้าแล้ว
ยกใบเรือสูง: อุตสาหกรรมและบริษัทหลัก
เมื่อใบเรือถูกยกขึ้นสูง อุตสาหกรรมไหนจะไม่สร้างคลื่นลูกใหญ่? การออกไปสู่ต่างประเทศของบริษัทจีนไม่ใช่แค่ “ลองเชิง” อีกต่อไป แต่คือการส่งกองเรือประจัญบานทั้งกองทัพ เทคโนโลยีมีหัวเว่ย ซึ่งถือธง 5G ท้าชนกับยุโรปแม้บางประเทศจะติดป้าย “เสี่ยงด้านความปลอดภัย” แต่ด้วยศักยภาพทางเทคนิคก็ยังสามารถเปิดทางใหม่ได้; แม้ WeChat ของ Tencent จะยังไม่ครอบครองตลาดต่างประเทศได้ทั้งหมด แต่เกม Honor of Kings เวอร์ชันสากลก็ทำให้ผู้เล่นต่างชาติทั้งบ่นทั้งเสียเงินอย่างไม่อาจต้านทาน แสดงให้เห็นว่าเนื้อหาดิจิทัลคือเรือเร็วของการส่งออกวัฒนธรรม ส่วน Alibaba นั้นไม่ต้องพูดถึง จากโกดังเล็ก ๆ ในหางโจว ตอนนี้ AliExpress กลายเป็น “คัมภีร์ช้อปปิ้งออนไลน์” ไปแล้วในยุโรปตะวันออกและละตินอเมริกา แถมยังขายบริการคลาวด์คอมพิวติ้งไปยังมาเลเซียและเตหะรานได้อีกด้วย
ภาคการผลิตคือจุดแข็งเดิมของบริษัทจีน เช่น แบตเตอรี่จาก CATL ที่แทบจะใส่ในรถไฟฟ้าสองคันในยุโรปหนึ่งคัน วิศวกรเยอรมันปากบอก “เราทำได้เอง” แต่มือกลับสั่งซื้ออย่างซื่อสัตย์ ด้านการเงินก็ไม่น้อยหน้า Ant Group ขยายระบบชำระเงินข้ามพรมแดนไปทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แม้แต่แม่ค้าขายมะม่วง sticky rice ตามตลาดกลางคืนในไทยก็เริ่มรับเงินผ่านการสแกนคิวอาร์โค้ด ส่วนอสังหาริมทรัพย์ Vanke และ Country Garden เปลี่ยนสนามรบไปยังญี่ปุ่นและมาเลเซีย เน้นแนวคิด “คุณภาพจีน + ออกแบบท้องถิ่น” จนได้รับความนิยมจากชนชั้นกลางในพื้นที่
จุดร่วมของความสำเร็จบริษัทเหล่านี้คืออะไร? ไม่ใช่แค่ทุ่มเงิน แต่คือการเข้าใจสภาพน้ำ — ปรับตัวให้เข้ากับกฎหมายท้องถิ่น ให้เกียรติวัฒนธรรม บางครั้งถึงกับเปลี่ยนคู่แข่งให้กลายเป็นพันธมิตร พวกเขาไม่ใช่แค่ “สินค้าราคาถูก” อีกต่อไป แต่กลายเป็นส่วนสำคัญในห่วงโซ่มูลค่าระดับโลก
คลื่นยักษ์และพายุฝน: ความท้าทายและความยากลำบาก
“การออกไปสู่ต่างประเทศ” ฟังดูโรแมนติกเหมือนดื่มไวน์แดงบนดาดฟ้าเรือชมพระอาทิตย์ขึ้น แต่ความจริงมักคือ — เรือยังไม่ทันออกจากท่า ศุลกากรก็มาต้อนรับก่อนเลย บริษัทจีนพุ่งสู่ตลาดโลก ไม่ใช่แค่เจอโอกาสในทะเลสีคราม แต่ยังต้องเผชิญกับอุปสรรคทางการค้าหลายชั้น ตลาดตะวันตกมักใช้ข้ออ้าง “ความมั่นคงของชาติ” เพื่อกีดกันบริษัทเทคโนโลยีจีน เช่นกรณีหัวเว่ยที่เทคโนโลยีล้ำหน้าจนคู่แข่งนอนไม่หลับ กลับโดนคำสั่งห้าม แม้แต่สกรูเล็ก ๆ ก็เข้าไปยาก
ปัญหาที่ปวดหัวกว่านั้นคือความแตกต่างทางวัฒนธรรม Tencent เคยพยายามจำลองแบบ WeChat ไปยังต่างประเทศ แต่พบว่าชาวตะวันตกชอบใช้ WhatsApp พูดคุยอย่างนักปรัชญา มากกว่ารับมือกับการทักทาย “อรุณสวัสดิ์ ฮึบๆ” พร้อมส่งอั่งเปาเต็มกลุ่มแบบจีน กฎหมายก็ซับซ้อนดั่งเขาวงกต GDPR ของสหภาพยุโรป มีบทบัญญัติละเอียดยิบกว่านิยายกำลังภายใน หากเผลอแตะข้อมูลผู้ใช้ ค่าปรับอาจสูงกว่าเงินลงทุนเสียอีก
ความเสี่ยงทางการเมืองก็คือระเบิดเวลา เมื่อสถานการณ์การเมืองในพื้นที่เปลี่ยนแปลง โครงการร่วมทุนอาจกลายเป็นตึกร้างในชั่วข้ามคืน 面對這些驚濤駭浪 เหล่าบริษัทฉลาด ๆ จึงเลิกบุกอย่างหัวชนฝา แล้วเปลี่ยนมาเน้นคำว่า “ท้องถิ่นนิยม” — หาหุ้นส่วนท้องถิ่น จ้างผู้บริหารต่างชาติ หรือแม้แต่ย้ายสำนักงานใหญ่ไปยังตลาดเป้าหมาย เช่นกรณี Alibaba ที่หลังลงทุนใน Lazada บริษัทอีคอมเมิร์ซในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก็ค่อย ๆ ส่งมอบการบริหารให้ทีมท้องถิ่น จนสามารถซึมซับจังหวะชีพจรของตลาดได้จริง ๆ
มั่นใจในชัยชนะ: ปัจจัยสำคัญของความสำเร็จ
มั่นใจในชัยชนะ: ปัจจัยสำคัญของความสำเร็จ
เมื่อมังกรตะวันออกกระโดดลงสู่มหาสมุทรธุรกิจโลก ไม่ได้พึ่งเกล็ดที่เปล่งประกายข่มปลาฉลาม แต่ใช้ความสามารถในการว่ายน้ำให้เร็วกว่าฉลาม บริษัทจีนที่ประสบความสำเร็จในการออกไปสู่ต่างประเทศ ไม่ใช่พวกหัวร้อนที่ถือเงินสดก้อนโตแล้วพุ่งออกไปทั่วโลก แต่พวกเขามี “สูตรสำเร็จการแล่นเรือท่ามกลางพายุ” เป็นของตัวเอง ความสามารถในการวิจัยและพัฒนาคือเครื่องยนต์นิวเคลียร์ เช่น DJI ที่ใช้เทคโนโลยีโดรนทำให้ผู้เล่นตะวันตกต้องก้มกราบเรียก “อาจารย์”; โมเดลธุรกิจที่ยืดหยุ่นคือระบบนำทาง เช่น SHEIN ที่ใช้กลยุทธ์ “สั่งผลิตน้อย ตอบสนองเร็ว” ทิ้ง ZARA ไว้ในยุคก่อน
ที่น่าทึ่งกว่านั้นคือกลยุทธ์ท้องถิ่นนิยม ไม่ใช่แค่แปลแอปพลิเคชัน แต่แม้กระทั่งอาหารกลางวันของพนักงานก็ต้องพิจารณาความชอบของท้องถิ่น TikTok ระเบิดความนิยมในสหรัฐฯ ไม่ใช่แค่เพราะท้าเต้น แต่เพราะเข้าใจจิตวิญญาณความเป็นตัวของตัวเองของวัยรุ่นอเมริกัน และใช้อัลกอริทึมถูกรอยคันที่ถูกจุด ภาพลักษณ์แบรนด์ก็ไม่ใช่ “ถูกแต่ต่ำ quality” อีกต่อไป แต่กลายเป็น “ฉลาดและทันสมัย” BYD เข้าสู่ยุโรปไม่ได้พึ่งเงินอุดหนุน แต่ใช้รถบัสไฟฟ้าแสดงศักยภาพด้านสิ่งแวดล้อม แม้แต่รถบัสสองชั้นสีแดงของลอนดอนก็เปลี่ยนหัวใจเป็นของจีน
บริษัทเหล่านี้เข้าใจว่า การออกไปสู่ต่างประเทศไม่ใช่การย้ายบ้าน แต่คือการ “เปิดสาขา” โดยเคารพวัฒนธรรมท้องถิ่น พวกเขาเปลี่ยนความท้าทายให้เป็นเครื่องปรุงรส เปลี่ยนความเสี่ยงให้เป็นสูตรลับ สุดท้ายก็เสิร์ฟ “อาหารจีน” จานยักษ์ที่คนทั้งโลกอยากชิม
แนวโน้มในอนาคต: บทใหม่ของการออกไปสู่ต่างประเทศของบริษัทจีน
เมื่อมังกรตะวันออกไม่ได้มองแค่ลานบ้านตัวเองอีกต่อไป แต่กางปีกบินสู่มหาสมุทรไกลโพ้น การออกไปสู่ต่างประเทศของบริษัทจีนจึงไม่ใช่แค่ “การออกไป” อีกต่อไป แต่คือการเขียนบทใหม่ของยุคการเดินเรือใหม่ ในอนาคต ขบวนเรือของบริษัทจีนจะไม่จอดแค่ท่าเรือยุโรปและอเมริกาอีกต่อไป แต่จะมุ่งหน้าสู่ชายฝั่งทองของแอฟริกา เกาะดิจิทัลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือแม้แต่ขุมทรัพย์สีเขียวของอเมริกาใต้ — ตลาดเกิดใหม่เหล่านี้ไม่ใช่ทางเลือกสำรองอีกต่อไป แต่คือเมนูหลัก
ในเวลาเดียวกัน การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลไม่ใช่แค่วิชาเลือกอีกต่อไป แต่คือวิชาพื้นฐานของการอยู่รอด ใครยังใช้เอกสารกระดาษหรือบริการลูกค้าแบบมนุษย์ในการขยายตลาดต่างประเทศ? บริษัทชั้นนำของจีนส่ง AI ให้เป็นเจ้าหน้าที่บริการลูกค้าในชุมชนภาษาอินโดนีเซีย ใช้ข้อมูลขนาดใหญ่คาดการณ์ว่าผู้บริโภคในบราซิลจะซื้ออะไรในวันพรุ่งนี้ ยิ่งไปกว่านั้น บางบริษัทแม้แต่โรงงานก็ “ย้ายขึ้นคลาวด์” — ควบคุมสายการผลิตจากระยะไกล จัดการซัพพลายเชนอัตโนมัติ เหมือนเล่นเกม RTS แต่สิ่งที่ได้ไม่ใช่คะแนน แต่คือส่วนแบ่งการตลาด
แน่นอน การวิ่งเร็วอย่างเดียวไม่พอ ต้องวิ่งได้นานด้วย ความยั่งยืนไม่ใช่แค่คำพูดโฆษณาอีกต่อไป แต่คือ “ตั๋วเข้าร่วมเกม” เมื่อ EU ใช้ภาษีคาร์บอน บริษัทที่ใช้พลังงานสูงก็ได้แต่ยิ้มแห้ง “แต่ก่อนแข่งเรื่องกำลังการผลิต ตอนนี้แข่งเรื่องลดคาร์บอน” บริษัทจีนชั้นนำติดแผงโซลาร์เซลล์เต็มหลังคาโกดังต่างประเทศ แม้แต่รถขนส่งก็เปลี่ยนมาใช้รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า การแข่งขันในอนาคต ไม่ใช่ใครได้กำไรเยอะที่สุด แต่ใครดำรงชีวิตอย่าง “เขียว” และอยู่ได้นานที่สุด
การแข่งขันระดับโลกนี้ไม่ใช่การวิ่งสปรินต์ แต่คือมาราธอนที่วัดความอดทนและภูมิปัญญา คลื่นลูกต่อไปของบริษัทจีน ย่อมต้องเผชิญกับลมแรงและคลื่นสูง แต่ก็正是巨浪,才能載得起巨龍
We dedicated to serving clients with professional DingTalk solutions. If you'd like to learn more about DingTalk platform applications, feel free to contact our online customer service, or reach us by phone at (852)4443-3144 or email at