จุดเริ่มต้น: การกำเนิดของ DingTalk

“ดิงดอง—” เสียงแจ้งเตือนนี้ ไม่มีใครคาดคิดเมื่อสิบปีก่อนว่าจะกลายเป็น “เสียงปลุก” สำหรับพนักงานนับร้อยล้านคน ช่วงนั้นหน้าจอข้อความบนมือถือยังคงเต็มไปด้วยแอปโซเชียลต่างๆ เหมือนซูเปอร์มาร์เก็ตในช่วงก่อนตรุษจีน แต่กลับขาดที่พักพิงแห่งหนึ่งที่จัดไว้เฉพาะสำหรับ “วิญญาณการทำงาน” DingTalk จึงถือกำเนิดขึ้นอย่างเงียบๆ ในห้องประชุมแห่งหนึ่งของอาลีบาบา ที่แม้แต่เครื่องปรับอากาศก็ขี้เกียจซ่อม แนวคิดเริ่มต้นเรียบง่ายจนน่าหัวเราะ: “ให้เจ้าของหาพนักงานเจอ และทำให้พนักงานเลิกแกล้งตาย”

ในขณะนั้น ตลาดมีทั้งยักษ์ใหญ่ด้านการสื่อสารคอยจับตา และมีเครื่องมือทำงานร่วมกันจำนวนนับไม่ถ้วนที่ประกาศตัวว่า “เปลี่ยนโฉมวงการ” แต่ส่วนใหญ่กลับจบลงด้วยชะตากรรม “ลองใช้ครั้งเดียวแล้วลบทิ้ง” ทว่า DingTalk กลับเดินสวนทาง ไม่เน้นฟิลเตอร์สวยๆ ไม่เพิ่มฟีเจอร์สตอรี่จำกัดเวลา แต่เน้น “หน้าตาแย่แต่ใช้งานดี” ถึงขั้นนำฟีเจอร์ “อ่านแล้วไม่ตอบ” มาเป็นจุดขายหลัก—not เพื่อทรมานผู้ใช้ แต่เพื่อให้การสื่อสารสามารถติดตามได้ ใครจะไปเชื่อว่าแอปที่ทำให้พนักงาน “เล่นละครเรื่องยุ่งไม่ได้” จะกลายเป็นแสงจันทร์สีขาวในใจของเจ้านาย?

ทีมงานช่วงแรกเรียกตัวเองว่า “แมลงสาบสำนักงาน” ไปไหนที่มีช่องว่างในการสื่อสารก็ตามไปตรงนั้น ตั้งแต่ความต้องการลงเวลาทำงานของทีมเล็ก ไปจนถึงกระบวนการอนุมัติของบริษัทขนาดใหญ่ DingTalk ค่อยๆ กัดกินปัญหาเหล่านี้อย่างถึกเหมือนตอนที่อาลีบาบาที่เริ่มต้นจากการขายถุงเท้า มันไม่ได้หวังให้ทุกคนชอบใช้ แค่ต้องการให้ “ใช้แล้วหยุดไม่ได้” 就这样,在无数个「收到请回复」的夜晚,钉钉默默紮下了根。



เส้นทางการเติบโต: การขยายตัวของผู้ใช้และฟีเจอร์

หากพูดถึงจุดเริ่มต้นของ DingTalk ว่าเป็นเรื่องราวสตาร์ทอัพที่ “ถูกบีบจนต้องขึ้นเขาเหลียงซาน” แล้ว ทศวรรษต่อมาคือการผจญภัยแบบ “เลเวลอัพต่อสู้บอส” ในโลกของการสื่อสารองค์กร จากเดิมที่มีแค่พนักงานภายในอาลีบาบาที่ใช้ จนวันนี้กลายเป็นแพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้หลายร้อยล้านคน เส้นทางการเติบโตของ DingTalk จึงเหมือนอนิเมะแนวฮิต—พระเอกเริ่มจากมือใหม่ ค่อยๆ เก็บสกิล รวมทีม ปราบบอส จนกลายเป็นฮีโร่ผู้ช่วยชีวิตองค์กรทั้งหมด

DingTalk ยุคแรกเหมือนเด็กเนิร์ดขี้อาย ฟีเจอร์ไม่มากแต่ใช้งานได้จริง ท่าไม้ตายแรก “อ่านแล้ว/ยังไม่อ่าน” แทงใจเจ้านาย ตามด้วย “DING เดี๋ยวนี้” ที่ทำให้พนักงานสายฟื้นตัวทันที ฟีเจอร์ที่ดูเรียบง่ายเหล่านี้ แท้จริงแล้วเจาะจงเข้าเป้าปัญหาปวดหัวที่สุดในการสื่อสารองค์กร: ข้อความหายเข้ากลีบเมฆ งานดันไม่เคลื่อน ประชุมไร้จุดสิ้นสุด

เมื่อผู้ใช้ขยายตัวจากบริษัทยักษ์ใหญ่ไปยังธุรกิจขนาดกลาง-เล็ก 乃至โรงเรียนและนิติบุคคลอาคารพักอาศัย DingTalk ก็เริ่มวิวัฒนาการอย่างบ้าคลั่ง ฟีเจอร์ลงเวลาทำงาน การอนุมัติงาน ปฏิทิน พื้นที่จัดเก็บไฟล์บนคลาวด์ การประชุมออนไลน์… ครบครันจนแทบจะเป็น “มีดสวิสสำนักงาน” ที่เจ๋งกว่านั้นคือ มันรู้วิธี “แยกกลุ่มเป้าหมาย”: บริษัทเล็กชอบเพราะใช้ง่าย ส่วนบริษัทใหญ่หลงใหลระบบควบคุมกระบวนการ แม้แต่ครูยังใช้มันเรียกชื่อ กลุ่มผู้ปกครองก็ไม่ต้องสแปม “ได้รับแล้วกรุณาตอบ 1” อีกต่อไป

นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่คือการรักษาโรค “สื่อสารล้มเหลว” อย่างแม่นยำ ทุกฟีเจอร์ล้วนมีที่มาจากเรื่องราวของกลุ่มแชทที่ทำงานดึก นักออกแบบที่ส่งงานล่าช้า และเจ้าหน้าที่ธุรการที่ใกล้ระเบิดอารมณ์ DingTalk ไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่คือ “ผู้ช่วยชีวิต” ในที่ทำงาน



ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี: นวัตกรรมและการเปลี่ยนแปลงของ DingTalk

“สิบปีก่อน เราแค่อยากให้การลงเวลาทำงานไม่ต้องต่อแถว” คำพูดติดตลกของผู้ก่อตั้ง DingTalk เปิดฉากการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยี แต่ใครจะไปคิดว่าเมล็ดพันธุ์เม็ดนี้จะเติบโตกลายเป็นต้นไม้เทคโนโลยียักษ์ใหญ่ที่รองรับการดำเนินงานของบริษัทนับล้าน? ในงานแถลงข่าวครบรอบ 10 ปี DingTalk ไม่ได้เป็นแค่ “เครื่องมือแชท” อีกต่อไป แต่สวมเกราะ AI และขี่จรวดคลาวด์มาในฐานะผู้ทำนายประสิทธิภาพแห่งอนาคต

ในการสาธิตบนเวที ผู้ช่วย AI เหมือนเลขาส่วนตัวที่ไม่เคยเหนื่อย สรุปประเด็นการประชุมอัตโนมัติ แปลเสียงภาษาถิ่น และยังคาดเดา “รายงานนั่นแหละ” ที่เจ้านายยังไม่ทันได้พูดออกมา ทั้งหมดนี้อาศัยโมเดลขนาดใหญ่ที่พัฒนาขึ้นเองของ DingTalk และระบบ Feitian ของ Alibaba Cloud ที่ผสานกันอย่างลึกซึ้ง—not แค่แปะฉลาก AI ไว้เฉยๆ แต่ฝังปัญญาประดิษฐ์ลงไปในทุกอีเมล ทุกการอนุมัติ และทุกสายโทรศัพท์

ที่โหดกว่านั้นคือ การอัปเกรดสถาปัตยกรรมแบบ “คลาวด์เนทีฟ” อย่างเต็มรูปแบบ องค์กรไม่จำเป็นต้องนอนรอข้ามคืนเพราะเซิร์ฟเวอร์ล่มอีกต่อไป การขยายขีดความสามารถของ DingTalk เป็นไปอย่างเป็นธรรมชาติเหมือนการหายใจ ลูกค้ารายหนึ่งจากอุตสาหกรรมการผลิตเล่าให้ฟังว่า “ก่อนหน้านี้ระบบค้างที โรงงานทั้งหมดหยุดงาน ตอนนี้ข้อมูลสายการผลิตซิงค์แบบเรียลไทม์ แม้กระทั่งการแจ้งซ่อมประตูห้องน้ำก็ส่งใบงานอัตโนมัติได้แล้ว”

เทคโนโลยีไม่ใช่โค้ดเย็นชาอีกต่อไป แต่คือตัวหล่อลื่นที่ซ่อนอยู่ในรอยแยกของการสื่อสาร เมื่อคนอื่นยังพูดถึง “การเปลี่ยนผ่านดิจิทัล” DingTalk ได้ใช้ AI และการประมวลผลบนคลาวด์ แปรสภาพสำนักงานให้กลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่สามารถคิดวิเคราะห์ได้โดยเงียบๆ



ระบบนิเวศ: หุ้นส่วนและการสร้างระบบนิเวศของ DingTalk

หากนวัตกรรมทางเทคโนโลยีของ DingTalk เปรียบได้กับศาสตร์การฝึกตนของยอดมนุษย์ ระบบนิเวศของมันก็คือ “ทีมอเวนเจอร์ส” ที่ใหญ่โตและคึกคัก—ทุกพาร์ทเนอร์มีทักษะพิเศษเฉพาะตัว ร่วมกันต่อสู้และเลเวลอัพ ในงานครบรอบ 10 ปี DingTalk ไม่ได้โชว์พลังอย่างเดียว แต่ยังโชว์ “กลุ่มเพื่อน” ของตัวเอง: จาก SAP, Yonyou, บริษัท Xiaobing ไปจนถึง Fanwei พาร์ทเนอร์หลายร้อยรายเรียงรายกันราวกับงานพรมแดงของวงการเทคโนโลยี

แต่นี่ไม่ใช่ความร่วมมือธรรมดา แต่เป็น “ความสัมพันธ์แบบอยู่ร่วมกัน” ที่ผูกพันแน่นหนา DingTalk ให้แพลตฟอร์มเปิดและ API แก่นักพัฒนา ทำให้พวกเขาสามารถต่อบล็อก Lego ได้ เช่น นำระบบ CRM, ERP, HR มาใส่ไว้ด้วยกัน ลองนึกภาพดูว่า ซอฟต์แวร์ลงเวลาทำงานของคุณไม่ใช่แค่ลงเวลา แต่ยังกระตุ้นกระบวนการทำงานขอเบิกเงินอัตโนมัติ ซิงค์ความคืบหน้าโครงการ และแม้แต่จองกาแฟในห้องประชุมให้คุณ—นี่คือพลังของระบบนิเวศ

ที่เจ๋งกว่านั้นคือ DingTalk ไม่ได้เป็นแค่แพลตฟอร์ม แต่ยังเป็น “ตัวบ่มเพาะ” มันเปิดตัวเครื่องมือ low-code ชื่อ “Yida” ที่ทำให้แม้แต่พนักงานธุรการที่ไม่รู้จักรหัสโปรแกรมเลยก็สามารถสร้างแอปพลิเคชันได้ ผลลัพธ์คือ ภายในองค์กรมีแอปพลิเคชันที่สร้างขึ้นเองกว่าพันรายการ DingTalk จึงกลายเป็น “เครื่องยนต์ดิจิทัลขององค์กร” อย่างฉับพลัน นี่ไม่ใช่แค่การสร้างระบบนิเวศ แต่เหมือนจัดรายการแข่งขันเทคโนโลยีในรูปแบบ “Produce 101” คนเก่งคนไหนก็ได้เดบิวต์!

ดังนั้น เมื่อคนอื่นยังแข่งกันที่ฟีเจอร์ DingTalk 早已用生态把竞争对手甩在后头——毕竟,一个人跑得快,一群人才能走得远。



ทิศทางในอนาคต: อีกสิบปีข้างหน้าของ DingTalk

เมื่อเวลาสิบปีผ่านไป เหมือนจุดแดงแสดงข้อความยังไม่ได้อ่านในกลุ่มแชทของ DingTalk ที่ทับถมกันเป็นภูเขา งานครบรอบ 10 ปีนี้จึงเหมือนงานเฉลิมฉลองปีใหม่ของวงการเทคโนโลยี—มีดอกไม้ไฟ ความประหลาดใจ และฟีเจอร์มากมายที่ทำให้คนร้องว่า “อ้าว! ไอ้นี่ก็ทำได้ด้วยเหรอ?” ผู้บรรยายบนเวทีพูดอย่างสงบว่า “เราไม่ใช่แค่เครื่องมือแชท เราคือศูนย์กลางประสาทขององค์กร” ผู้ชมข้างล่างต่างตระหนักทันที: ความทุกข์ทรมานจากการถูก @ ทุกวัน แท้จริงแล้วคือเส้นทางสู่การกลายเป็นยอดมนุษย์ในที่ทำงาน

อีกสิบปีข้างหน้า? DingTalk ไม่ได้วางแผนจะเป็นเลขาสำนักงานที่อ่อนโยน แต่จะกลายเป็น “ผู้กำกับการตัดสินใจอัจฉริยะ” ผู้ช่วย AI รุ่นใหม่จะไม่เพียงสรุปประเด็นการประชุมอัตโนมัติ แต่ยังวิเคราะห์จากน้ำเสียงเจ้านายเพื่อคาดเดาว่า “เมื่อกี้ที่บอก ‘คิดดูอีกที’ นั่น หมายความว่าพูดกลับหรือลังเลจริงๆ” ที่น่าตกใจกว่านั้นคือ เวอร์ชันใหม่จะรวมระบบวิเคราะห์อารมณ์ (emotional analysis) เพื่อให้ผู้บริหารรู้ว่าแผนกไหนมีพนักงานใกล้จะรวมตัวกันกลายเป็นเซียนจากการทำงานล่วงเวลา

面对腾讯文档、飞书这些“隔壁邻居”的步步紧逼,钉钉的策略很简单:你卷功能,我直接掀桌——把生态变成宇宙。与硬件厂商合作推出“智慧工牌”,感应到员工进入办公室就自动打卡、开灯、播放专属上班BGM,就差沒幫你煮咖啡了。市場變幻莫測,但釘釘的邏輯始終如一:與其被顛覆,不如自己先把自己顛三倒四。