
ในแวดวงสำนักงานของจีน มี "ยอดยุทธสองคน" ที่กำลังประลองฝีมือกันอย่างดุเดือดในช่วงไม่กี่ปีมานี้ คนหนึ่งคือ DingTalk ผู้มากับร่มเงาของอาลีบาบา แต่งตัวเหมือนหม่าหยุน เดินไปไหนก็พัดลมตาม ส่วนอีกคนคือ Feishu จากบริษัท ByteDance ใส่เสื้อเชิ้ตขาวเรียบง่าย สายตาเยือกเย็นทั้งตัว ทั้งสองแพลตฟอร์มนี้เริ่มต้นในฐานะ "อาวุธลับภายในองค์กร" แต่กลับกลายเป็นยอดยุทธระดับเทพโดยไม่ทันตั้งตัว จนกวาดล้างตลาดเครื่องมือการทำงานร่วมกันในองค์กรจนกลายเป็นคู่แข่งตัวฉกาจ
DingTalk เกิดขึ้นในปี 2014 โดยมีจุดประสงค์เพื่อแก้ปัญหาการสื่อสารที่ไม่คล่องตัวในกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมภายใต้ระบบนิเวศของอาลีบาบา มันโด่งดังจากฟีเจอร์ที่ทำให้ทั้งรักและเกลียดอย่าง “อ่านแล้ว/ยังไม่อ่าน” และ “Ding ทันที” ราวกับติดกล้องวงจรปิดไว้ในที่ทำงาน ทำให้หัวหน้าหัวเราะได้ทั้งวัน แต่พนักงานบ่นไม่หยุด ส่วน Feishu เดิมทีเป็นแพลตฟอร์มการทำงานร่วมกันที่ใช้ภายใน ByteDance เอง เพราะประสิทธิภาพในการทำงานสูงจนน่าตกใจ จางอี้หมิงจึงตัดสินใจว่า “เก็บไว้คนเดียวทำไม ขายออกไปเลย!” จึงเปิดให้บริการภายนอกอย่างเป็นทางการในปี 2016 พร้อมประสบความสำเร็จทันทีจากประสบการณ์การใช้งานที่ลื่นไหลอย่างยิ่ง และแนวคิดการจัดการความรู้ที่ชาญฉลาด จนสามารถดึงดูดกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบประสิทธิภาพในโลกเทคโนโลยีได้อย่างเหนียวแน่น
ปัจจุบัน DingTalk เน้นเจาะตลาดธุรกิจขนาดกลาง-ย่อมและภาคการศึกษา มีผู้ใช้งานกว่า 600 ล้านคน ถือเป็นตัวแทนของ “ยุทธศาสตร์กองทัพจำนวนมาก” ส่วน Feishu เน้นกลุ่มองค์กรขนาดใหญ่และทีมสร้างสรรค์นวัตกรรม ซึ่งเดินตามแนวทาง “เส้นทางชนชั้นนำ” แม้จำนวนผู้ใช้จะน้อยกว่า แต่ความภักดีของผู้ใช้สูงมาก ศึกแห่งสำนักงานครั้งนี้ เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น
เปรียบเทียบฟีเจอร์: ใครเหนือกว่า?
เปรียบเทียบฟีเจอร์: ใครเหนือกว่า? ศึกชิงความเป็นเลิศในสำนักงานนี้ ไม่ใช่เรื่องที่ชนะด้วยแค่ความนิยม ต้องมาดูกันที่ฟีเจอร์แบบเต็มๆ! DingTalk และ Feishu ต่างใช้ไม้ตายในด้านการสื่อสาร เอกสาร การประชุม ปฏิทิน และการจัดการงาน ราวกับการประลองเวทมนตร์ในโลกออฟฟิศ
ในด้านการสื่อสาร DingTalk เน้นฟีเจอร์ “อ่านแล้ว/ยังไม่อ่าน” และ “Ding ทันที” ที่ทำให้หัวหน้ากลายเป็นผู้ควบคุมเวลาจริง พนักงานรู้สึกกดดันทันที ในขณะที่ Feishu เน้นความอบอุ่น ด้วยฟีเจอร์ “สถานะการทำงาน” ที่บอกว่าเพื่อนร่วมงานกำลังตั้งใจเขียนไฟล์ PPT อยู่ อย่าแท็กเขาตอนนี้ ส่วนการจัดการเอกสาร Feishu มีระบบคลาวด์เอกสารที่รองรับการแก้ไขหลายคนพร้อมกัน พร้อมคอมเมนต์ซ้อนกันได้ สนุกเหมือนการโต้วาทีออนไลน์ ส่วน DingTalk ก็ไม่น้อยหน้า แต่อินเตอร์เฟซซับซ้อนไปหน่อย มือใหม่มักหลงทาง
ในด้านการประชุม Feishu มีวิดีโอคอลที่เสถียรเหมือนสุนัขเฝ้าบ้าน ภาพคมชัดจนนับเกล็ดสะเก็ดบนหนังหัวได้ ส่วน DingTalk เอาใจองค์กรขนาดใหญ่ด้วย “การประชุมแบบไลฟ์สด” เหมาะกับซีอีโอที่ต้องประชุมทั้งบริษัท ส่วนฟีเจอร์ปฏิทิน Feishu สามารถจัดตารางเวลาการประชุมให้อัตโนมัติ ฉลาดเหมือนเลขาส่วนตัว ส่วนปฏิทินของ DingTalk นั้น… แทบไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ ส่วนการจัดการงาน DingTalk มีรายการสิ่งที่ต้องทำที่เรียบง่ายตรงไปตรงมา แต่ Feishu ที่ผสานระบบ OKR เข้าไปต่างหาก จึงเป็นที่โปรดปรานของผู้ใช้ระดับสูง
ยกตัวอย่างจริง: เสวี่ยวหวัง แผนกการตลาด ต้องใช้ Feishu ทำแผนข้ามแผนก เอกสารแชร์ร่วมกัน จองประชุม ติดตามความคืบหน้า ทำได้ลื่นไหลราวกับดื่มชาไข่มุก ส่วนถ้าใช้ DingTalk เขาอาจต้อง “Ding” สามรอบถึงจะมีคนตอบ แล้วพบว่าปฏิทินขัดกัน ต้องจัดตารางใหม่สองชั่วโมง
ประสบการณ์ผู้ใช้: ใครใส่ใจมากกว่า?
ประสบการณ์ผู้ใช้: ใครใส่ใจมากกว่า? คำถามนี้เหมือนถามว่า “ไอศกรีมหรือเค้กอะไรช่วยเยียวยาใจได้ดีกว่ากัน?” — คำตอบขึ้นอยู่กับอารมณ์คุณตอนนั้น และใครเป็นคนเสิร์ฟ
อินเตอร์เฟซของ DingTalk มากับสไตล์ “ฝึกทหาร”: พื้นหลังสีน้ำเงินเข้ม จัดวางฟังก์ชันเรียงรายเหมือนตารางเรียน เปิดเข้าไปแล้วรู้สึกเหมือนได้ยินเสียง “รายงานผู้บังคับหมวด!” การใช้งานชัดเจน แต่มือใหม่มักนอนไม่หลับเพราะโดนจุดแดงและงานค้างรุมเร้า แต่สำหรับผู้บริหารที่ชื่นชอบการควบคุมอย่างมีประสิทธิภาพ ดีไซน์แบบ “ไม่ให้คุณขี้เกียจ” นี้กลับทำให้รู้สึกปลอดภัย ผู้จัดการฝ่ายบริหารคนหนึ่งพูดติดตลกว่า “พนักงานผมจะมาสายได้ยังไง? DingTalk จะโทรแจ้งแม่เขาทันที”
Feishu กลับเหมือนวิศวกรหนุ่มข้างบ้าน ใส่เสื้อเชิ้ตลำลอง พูดจาเบาๆ อินเตอร์เฟซสะอาดตา มีพื้นที่ว่างเยอะ สีสันนุ่มนวล ใช้งานลื่นไหลเหมือนช็อกโกแลตเดฟเฟิลท์ ส่วนการนำทางใช้งานง่าย ฟังก์ชันใหม่ซ่อนน้อย ผู้ใช้มักบอกว่า “หาเจอ ใช้สะดวก ไม่ค้าง” สมาชิกทีมสร้างสรรค์คนหนึ่งสารภาพว่า “สลับระหว่างเอกสาร แชท และวิดีโอคอลในระหว่างประชุม เหมือนดูหนังที่ตัดฉากได้เนียนๆ ไม่อยากกลับไปใช้ DingTalk เลย”
ในด้านเสถียรภาพ ทั้งสองถือว่า “ทนแรงกดดันได้ดี” แต่ Feishu ดีกว่าเล็กน้อยในเรื่องการซิงค์ข้ามอุปกรณ์ ส่วนด้านความปลอดภัย DingTalk อาศัยโครงสร้างพื้นฐานของอาลีบาบาสร้างกำแพงสูง ในขณะที่ Feishu ได้รับความไว้วางใจจากบริษัทด้านเทคโนโลยีด้วยระบบจัดการสิทธิ์ที่โปร่งใส และบันทึกการตรวจสอบที่ละเอียดอ่อน
สถานการณ์การใช้งาน: เลือกเครื่องมือให้เหมาะ งานย่อมสำเร็จครึ่งหนึ่ง
สถานการณ์การใช้งาน: เลือกเครื่องมือให้เหมาะ งานย่อมสำเร็จครึ่งหนึ่ง เหมือนการเลือกเพื่อนร่วมทีมเล่นเกมออนไลน์ ไม่ใช่แค่ดูหน้าตา แต่ต้องดูว่าใครช่วยพาทีมชนะได้ สตาร์ทอัพที่เป็นทีมเล็กๆ เหมือนการเล่นตำแหน่งป่า ต้องคล่องตัวรวดเร็ว ในกรณีนี้ Feishu ที่ทำงานร่วมกันได้ลื่นไหลและการแก้ไขเอกสารแบบเรียลไทม์ คือการโกงเกม—ห้าคนสามารถแก้ไขแผนเดียวกันได้พร้อมกัน แถมยังคอมเมนต์แซวได้ว่า “งบประมาณนี้ฝันไปเหรอ?” ประสิทธิภาพพุ่งกระฉูด ทีมสตาร์ทอัพทีมหนึ่งใช้ Feishu ออกแบบต้นแบบผลิตภัณฑ์เสร็จภายในสามวัน เจ้านายยิ้มบอกว่า “แต่ก่อนประชุมสามชั่วโมง ตอนนี้ตัดสินใจในกลุ่มห้านาที”
ส่วนองค์กรขนาดใหญ่ที่โครงสร้างซับซ้อนเหมือนเขาวงกต และกระบวนการอนุมัติเยอะเหมือนรหัสผ่านหลายชั้น ในกรณีนี้ DingTalk กับระบบ OA อันทรงพลังจะแสดงฤทธิ์เดช จัดการกะงาน ลงเวลาทำงาน และเบิกค่าใช้จ่ายให้พนักงานพันกว่าคนได้ในคลิกเดียว แม้แต่การสั่งอาหารในโรงอาหารก็ผสานระบบได้ เรียกได้ว่าเป็น “เป่าจื้อแห่งยุคดิจิทัล” เยือกเย็นแต่แม่นยำ บริษัทผู้ผลิตรายใหญ่แห่งหนึ่งใช้ DingTalk แล้วต้นทุนฝ่ายบริหารลดลง 30% พนักงานบ่นยิ้มๆ ว่า “ขอลาป่วยยังต้องผ่านสามขั้นตอน แต่ก็ไม่มีใครขาดการบันทึกเวลาทำงานอีกแล้ว”
ส่วนสถาบันการศึกษา? ต้องการห้องเรียนออนไลน์ที่เสถียรและมีการโต้ตอบ DingTalk มีฟีเจอร์ไลฟ์สดที่รองรับผู้ชมหมื่นคนพร้อมกัน การเรียกชื่อของครูเหมือนการจับรางวัลที่ตื่นเต้น ส่วน Feishu เหมาะกับทีมอาจารย์ที่ต้องการประชุมสมองกล ที่สามารถสลับระหว่างไวท์บอร์ด วิดีโอ และโน้ตได้อย่างลื่นไหล ควรเลือกอันไหน? ขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการ “ควบคุมนักเรียน” หรือ “ปลุกพลังครู”
แนวโน้มในอนาคต: ใครจะยิ้มได้ในตอนจบ?
แนวโน้มในอนาคต: ใครจะยิ้มได้ในตอนจบ? ศึกชิงความเป็นเลิศในสำนักงานนี้ เข้มข้นกว่าละคร宮鬥 เสียอีก DingTalk พึ่งพาทรัพยากรจากอาลีบาบา พัฒนา AI Assistant, การลงเวลาทำงานอัจฉริยะ และ “นรกของคำว่าอ่านแล้ว” ราวกับประกาศว่า “ถ้าคุณไม่ตอบข้อความ ผมจะให้ทั้งบริษัทรู้กันหมด!” ส่วน Feishu มี ByteDance สัตว์ร้ายยักษ์ด้านคอนเทนต์หนุนหลัง เน้นดีไซน์เรียบง่ายและความลื่นไหลในการทำงานร่วมกัน เหมือนหนุ่มหล่อที่ดูเย็นชาในวงการซอฟต์แวร์ออฟฟิศ แม้แต่ป๊อปอัปยังดูมีกลิ่นอายศิลปิน
ในด้านเทคโนโลยี DingTalk กำลังทุ่มทุนกับ AI อย่างหนัก วางแผนเปิดตัวระบบสรุปการประชุมจากเสียงอัตโนมัติ การจัดตารางงานอัจฉริยะ หรือแม้แต่เลขาเสมือน ส่วน Feishu อาจผสานฟีเจอร์การทำงานร่วมกันแบบวิดีโอสั้นสไตล์ TikTok เพื่อให้ความคืบหน้าโครงการเห็นได้ใน 15 วินาที ด้านกลยุทธ์การตลาด DingTalk บุกตลาดธุรกิจขนาดย่อมและหน่วยงานการศึกษาอย่างหนัก ส่วน Feishu มุ่งเป้าไปที่อุตสาหกรรมเศรษฐกิจใหม่และทีมข้ามชาติ ทั้งสองกำลังวางหมากในตลาดต่างประเทศอย่างเงียบๆ
แต่ก็มีความท้าทายไม่น้อย—DingTalk ถูกติว่า “ดูเหมือนสอดแนม” เกินไป พนักงานรู้สึกกดดัน ส่วน Feishu กลับดูอุดมคติเกินไป ทำให้เวลาติดตั้งในองค์กรแบบดั้งเดิมมักเจอปัญหา ใครจะยิ้มได้ในตอนจบ? บางทีอาจไม่ได้ขึ้นอยู่กับฟีเจอร์ที่เหนือกว่า แต่ขึ้นอยู่กับว่าใครจะไขปริศนา “ธรรมชาติของมนุษย์” ได้ก่อน—เพราะไม่ว่าเครื่องมือจะฉลาดแค่ไหน ก็ต้องทำให้คนอยากใช้ก่อนถึงจะสำเร็จ!
We dedicated to serving clients with professional DingTalk solutions. If you'd like to learn more about DingTalk platform applications, feel free to contact our online customer service, or reach us by phone at (852)4443-3144 or email at 

                                ภาษาไทย  
                                                            
  
    
        
                                                English                    
                                                اللغة العربية                    
                                                Bahasa Indonesia                    
                                                Bahasa Melayu                    
                                                Tiếng Việt                    
                                                简体中文