ทำความเข้าใจฟีเจอร์ของ DingTalk

คุณเคยส่งข้อความผ่าน DingTalk แล้วรอนานเป็นชั่วโมงแต่ไม่มีใครตอบ ไม่มีเสียง ไม่มีการเคลื่อนไหว ราวกับข้อความนั้นตกลงไปในหลุมดำหรือเปล่า? อย่าเพิ่งตกใจ ปัญหาอาจไม่ได้อยู่ที่คน แต่เป็นเพราะคุณยังไม่เข้าใจพลังที่แท้จริงของ "เครื่องมือสำนักงานอัจฉริยะ" ตัวนี้อย่างแท้จริง! DingTalk ไม่ใช่แค่เครื่องมือพูดคุยธรรมดา แต่มันเหมือนผู้ช่วยจัดการสำนักงานดิจิทัลของคุณ ใช้สำหรับการสื่อสารแบบทันที? ได้แน่นอน แต่ที่สำคัญคือ คุณสามารถใช้ฟีเจอร์ "อ่านแล้ว/ยังไม่อ่าน" เพื่อรู้ทันทีว่าใครอ่านข้อความของคุณแล้ว ใครแกล้งทำเป็นไม่เห็น — ฟีเจอร์นี้เหมือนธงแดงใบแรกที่เปิดโปงเพื่อนร่วมงานที่ "ไม่เต็มใจร่วมมือ" การแชร์ไฟล์ก็ไม่ต้องส่งเมลไปมาให้ยุ่งยาก จนเครื่องคอมพิวเตอร์เต็มไปด้วยไฟล์ชื่อ "final_final_v3_reallyfinal.doc" อีกต่อไป แค่อัปโหลดไฟล์เดียว ทุกคนจะเห็นเวอร์ชันล่าสุดทันที และยังสามารถแสดงความคิดเห็นหรือใส่คำอธิบายได้ แม้แต่ "อาหมิง" ที่มักอ้างว่า "ไม่รู้ว่ามีไฟล์นี้" ก็จะไม่มีข้ออ้างอีก ส่วนการจัดการปฏิทินก็ดีเลิศ ทั้งการประชุม เดดไลน์ และความคืบหน้าของโปรเจกต์ มองเห็นได้ชัดเจนในที่เดียว แถมยังตั้งเตือนอัตโนมัติให้ "อาเฟิน" ที่มักมาสายได้อีกด้วย ส่วนการประชุมออนไลน์ แม้เพื่อนร่วมงานจะอยู่มัลดีฟส์ (หวังว่าคงไม่ใช่) ก็สามารถเข้าร่วมได้ทันที อย่ามาอ้างเรื่องไวไฟอีกเลย สรุปคือ DingTalk ไม่เพียงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ แต่ยังสร้างสภาพแวดล้อมการสื่อสารที่ "โปร่งใส ติดตามได้" ทำให้พฤติกรรมที่ไม่ร่วมมือซ่อนตัวไม่ได้อีกต่อไป คราวหน้าเราจะมาดูกันว่า ใช้ฟีเจอร์พวกนี้ยังไง เพื่อจับพิรุธเพื่อนร่วมงานที่กำลัง "ต่อต้านเชิง消極"!



สังเกตสัญญาณของการไม่ร่วมมือ

การทำงานในสำนักงานผ่าน DingTalk นั้น สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือเพื่อนร่วมงานที่ "อ่านแล้วไม่ตอบ" น่ากลัวกว่าหนังผีอีก คุณส่งข้อความไป รูปโปรไฟล์ของอีกฝ่ายแสดงว่า "อ่านแล้ว" จากนั้น... หายเข้ากลีบเมฆ เหมือนคุณถามคำถามที่ยากที่สุดในจักรวาล นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นสัญญาณเตือนระดับต้นของพฤติกรรมไม่ร่วมมือ!

อีกหนึ่งอาการคลาสสิก คือการที่คำเชิญประชุม "จมหายไป" คุณเหน็ดเหนื่อยจัดเวลามาอย่างดี สร้างห้องประชุมออนไลน์ผ่าน DingTalk เรียบร้อย แต่อีกฝ่ายทั้งไม่ตอบตกลง ไม่ตอบปฏิเสธ จนกระทั่งวันประชุมถึงมาบอกว่า "ขอโทษนะ มีเรื่องด่วน" ทั้งที่โปรไฟล์เขายังเปิดอยู่ และกำลังพิมพ์ "ฮ่าๆๆ" อยู่ในกลุ่มแชท อาการ "หูหนวกแบบเลือกได้" แบบนี้ คือสุดยอดศิลปะการหลีกเลี่ยงในสำนักงาน

ยังมีอีกแบบที่แย่กว่านั้น คือ "นักสะสมข้อมูล" ข้อมูลโปรเจกต์ชัดเจนอยู่ในคลาวด์ของ DingTalk แต่เขากลับเลือกส่งต่อเฉพาะคนที่ต้องการ ทำให้คุณรู้สึกเหมือนกำลังเล่นเกมปริศนา: "ไฟล์ล่าสุดอยู่กับใคร? ใครมีเวอร์ชันใหม่สุด? ทำไมตัวเลขที่ฉันเห็นไม่เหมือนคนอื่น?"

ยกตัวอย่างเช่น เสี่ยวหลี่ต้องส่งรายงาน จึงขอข้อมูลลูกค้าจากอาหมิง อาหมิงอ่านข้อความแล้วสองวัน สุดท้ายตอบกลับมาว่า "เดี๋ยวหาให้" แล้วผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ถึงส่งไฟล์เก่าปี 2019 มาให้ กลยุทธ์รวมกันระหว่าง "การล่าช้า + การปิดกั้นข้อมูล" แบบนี้ คือพฤติกรรมไม่ร่วมมือแบบคลาสสิก อย่ารอเฉยๆ อีกต่อไป รีบระบุปัญหา และเตรียมกลยุทธ์การสื่อสารขั้นต่อไปได้เลย!

พัฒนาทักษะการสื่อสาร

เมื่อเจอเพื่อนร่วมงานที่ "อ่านแล้วไม่ตอบ" บน DingTalk ความรู้สึกอาจหงุดหงิดกว่าดูซีรีส์แล้วเน็ตหลุดเสียอีก! แต่แทนที่จะโกรธจนสั่นมือเวลาชงกาแฟ ลองอัปเกรดทักษะการสื่อสารดู แล้วเปลี่ยนการตอบสนองเย็นชา ให้กลายเป็นการมีปฏิสัมพันธ์ที่อบอุ่นก่อนอื่น เมื่อสื่อสารความต้องการ อย่าเล่นเกม "ทายใจ" — อย่าพูดแค่ "ดูรายงานนั่นหรือยัง?" แต่ให้พูดชัดๆ ว่า "รบกวนช่วยตอบกลับความเห็นเกี่ยวกับข้อมูลหน้าที่ 3 ของรายงานก่อน 16.00 น. วันนี้ด้วยนะครับ ขอบคุณ!" ชัดเจนขนาดแมวที่บ้านยังเข้าใจได้ อย่าลืมเรื่องน้ำเสียง อย่าทำให้ดูเป็นทางการเกินไป ใส่อีโมจิ หรือพูด一句ว่า "เหนื่อยนะ ขอบใจมาก~" ทันทีที่น้ำเสียงเปลี่ยน จากหัวหน้าที่ดูเคร่งขรึม ก็กลายเป็นเพื่อนร่วมทีมที่ให้กำลังใจ ลองเปลี่ยนคำถามจาก "ทำไมส่งงานช้าอีก?" เป็น "มีปัญหาอะไรไหม? ต้องการให้ช่วยอะไรไหม?" — ความขุ่นเคืองจะเปลี่ยนเป็นการสนับสนุนทันที ใจของอีกฝ่ายก็จะเปิดรับโดยธรรมชาติ นอกจากนี้ การติดตามความคืบหน้าเป็นประจำ ไม่ใช่การ "จับตามอง" แต่คือการ "ปรับจังหวะให้ตรงกัน" ใช้ฟีเจอร์ "สิ่งที่ต้องทำ" ใน DingTalk ตั้งเตือนทุกเช้าวันจันทร์: "เป้าหมายสัปดาห์นี้: 1. ส่งร่างแรก ✔️ 2. รอฟีดแบ็กจากคุณ 🔁" ทั้งไม่รุกราน และยังคงความโปร่งใส จำไว้ว่า การสื่อสารไม่ใช่การส่งข่าวแบบทางเดียว แต่เป็นไวไฟสองทาง — สัญญาณแรง ความร่วมมือถึงจะไม่หลุด!

ตั้งเป้าหมายการทำงานให้ชัดเจน

คุณเคยส่งงานในกลุ่ม DingTalk แล้วรอนานจนโปรเจกต์ล้มเหลว แต่ยังไม่มีใครรับผิดชอบหรือเปล่า? อย่าหวังพึ่ง "การเตือนด้วยมิตรภาพ" หรือ "การเร่งด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน" อีกต่อไป เพราะสำหรับเพื่อนร่วมงานที่ไม่ร่วมมือแล้ว สิ่งเหล่านี้เหมือนอากาศว่างเปล่า! วิธีแก้ปัญหาที่แท้จริง คือเริ่มจากเป้าหมาย เปลี่ยนคำพูดคลุมเครืออย่าง "ทุกคนช่วยดูกัน" ให้เป็น "คุณรับผิดชอบส่วน A ผมรับผิดชอบส่วน B เดดไลน์คือวันพุธหน้า" ให้ชัดเจน

ฟีเจอร์จัดการงานของ DingTalk ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อสถานการณ์แบบนี้โดยเฉพาะ! คุณสามารถแบ่งโปรเจกต์ย่อยใน "รายการสิ่งที่ต้องทำ" กำหนดผู้รับผิดชอบ และใช้ปฏิทินเพื่อกำหนดเดดไลน์ให้ชัดเจนในตารางเวลา จุดสำคัญไม่ใช่แค่เครื่องมือดี แต่คือความโปร่งใส — เมื่องานถูกมอบหมายให้ใครคนหนึ่ง ทุกคนในทีมจะเห็น อยากแกล้งทำเป็นไม่เห็นก็ทำไม่ได้! เคยมีครั้งหนึ่ง ทีมของเรามี "เพื่อนร่วมงานแนวสบายๆ แบบพุทธ" คนหนึ่ง ทุกครั้งประชุมพูดแต่ว่า "โอเค ไม่มีปัญหา" แต่ความจริงไม่คืบหน้าเลย พอเราเปลี่ยนมาใช้การ์ดงานใน DingTalk พร้อมเตือนผ่านปฏิทิน ปรากฏว่าคนๆ นี้กลับส่งรายงานมาเองในวันที่สาม ที่จริงเขาไม่ได้ไม่ทำ แค่ไม่รู้ว่าต้องทำเมื่อไหร่!

จำไว้ว่า เป้าหมายที่ชัดเจนไม่เพียงลดการผลักภาระ แต่ยังลดความเข้าใจผิดและการสูญเสียพลังใจ พอทุกคนรู้ว่าต้องทำอะไร และส่งเมื่อไหร่ ก็ไม่จำเป็นต้องตาม ต้องบีบ ต้องตะโกนอีก ตอนนี้ทีมเราไม่พูดกันว่า "งานเสร็จยัง?" แต่พูดว่า "การ์ดงานของคุณเขียวหรือยัง?" — ตรงไปตรงมา แถมมีกลิ่นอายของเกมเล็กๆ แม้แต่เพื่อนร่วมงานที่ไม่ค่อยร่วมมือ ก็ยังไม่รู้สึกต่อต้านเท่าไหร่!



สร้างบรรยากาศทีมงานที่ดี

  1. คุณเคยเสนออะไรในกลุ่ม DingTalk แล้วเงียบกริบ จนได้ยินเสียงยุงบินผ่านไหม? อย่าเพิ่งคิดจะบล็อกเพื่อนร่วมงานที่ "แนวสบายๆ ไม่แสดงความเห็น" เหล่านั้น ลองเพิ่มความสนุกลงไปในทีมดูบ้าง! จัดกิจกรรม "แข่งขันความรู้แปลกๆ เกี่ยวกับ DingTalk" ผู้ชนะจะได้รับรางวัลเสมือนจริง "สิทธิ์ไม่ต้องเช็คอินหนึ่งวัน" (แม้จริงๆ แล้วต้องขออนุญาตเจ้านาย แต่ที่สำคัญคือบรรยากาศ!)
  2. การสร้างบรรยากาศเชิงบวก ไม่ได้พึ่งพาแค่กิจกรรม แต่ต้องอาศัยการโต้ตอบเล็กๆ ในแต่ละวัน พอเห็นเพื่อนร่วมงานทำงานสำเร็จ อย่าลังเลที่จะส่ง "👍" หรือ "👏" ไป หรือจะพิมพ์เพิ่มว่า "ครั้งนี้พึ่งพิงคุณจริงๆ!" แค่ประโยคเดียว ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าไม่ได้ต่อสู้คนเดียว
  3. คุณยังสามารถใช้ฟีเจอร์ "ชื่นชม" ใน DingTalk เพื่อยกย่องความพยายามของเพื่อนร่วมงานอย่างเปิดเผย ฟีเจอร์นี้ไม่ใช่แค่เติมเต็มความรู้สึกดี แต่ยังกระตุ้นให้เกิดการแข่งขันเชิงบวกในทีม — เมื่อทุกคนอยากถูกฉายภาพบน "ผนังชื่นชม" ก็จะมีแรงจูงใจในการมีส่วนร่วมมากขึ้น
  4. จำไว้ว่า แม้จะเป็นสภาพแวดล้อมเสมือนจริง แต่ไม่จำเป็นต้องเย็นชา จัดกิจกรรม "น้ำชากลางวันออนไลน์" เป็นระยะ ทุกคนเปิดกล้องมากินคุกกี้ คุยเรื่องชีวิต ความร่วมมือในการทำงานจะลื่นไหลขึ้นมาก เพราะใครจะใจร้ายกับเพื่อนร่วมทีมที่ใจดีและเคยเลี้ยงคุกกี้เสมือนจริงให้ล่ะ?
สรุปคือ บรรยากาศทีมงานไม่ได้เกิดจากโชค แต่เกิดจากการ "ตั้งใจสร้าง" ถ้าคุณยอมเสียเวลาเพียงหนึ่งนาทีในการชมเชยคนอื่น โลกนี้ก็จะอบอุ่นขึ้นอีกเล็กน้อย

DomTech เป็นผู้ให้บริการอย่างเป็นทางการของ DingTalk ในฮ่องกง โดยให้บริการลูกค้าทั่วไปอย่างครบวงจร หากคุณต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้งานแพลตฟอร์ม DingTalk สามารถติดต่อพนักงานบริการลูกค้าออนไลน์ของเราได้โดยตรง หรือโทรติดต่อเราที่ (852)4443-3144 หรือส่งอีเมลมาที่ This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. เรามีทีมพัฒนาและดูแลระบบระดับมืออาชีพ พร้อมประสบการณ์การให้บริการในตลาดที่หลากหลาย สามารถให้บริการและโซลูชัน DingTalk อย่างมืออาชีพแก่คุณได้!